![](https://fkwp.mappamedia.co/wp-content/uploads/2022/03/Juvenile-Justice_Banner-scaled.jpg)
![](https://fkwp.mappamedia.co/wp-content/uploads/2022/03/Juvenile-Justice_Banner-scaled.jpg)
Juvenile Justice : “ฉันรังเกียจเยาวชนผู้กระทำความผิด” เพราะผู้ใหญ่ทุกคนคือผู้กระทำผิดไม่ต่างจากเด็ก
Juvenile Justice : “ฉันรังเกียจเยาวชนผู้กระทำความผิด” เพราะผู้ใหญ่ทุกคนคือผู้กระทำผิดไม่ต่างจากเด็ก
- “ฉันรังเกียจเยาวชนผู้กระทำความผิด แม้จะเกลียดและไม่ชอบ แต่เพื่อเยาวชนแล้ว ฉันจะทำสุดความสามารถและไม่มีอคติใดๆ กับเยาวชน”
- เจ้าของประโยค คือ ‘ชิมอึนซอก’ ผู้พิพากษาสมทบหญิงจากซีรีส์ Juvenile Justice ที่มีบุคลิกและการพูดจามุทะลุแบบไม่สนใคร แต่การกระทำกับสวนทาง
- ทุกเรื่อง ทุกคดีที่เธอพิพากษา คือ คำตัดสินจากศาลถึงครอบครัวและเยาวชน เพราะเบื้องหลังของการทำผิดของเด็กๆ ครอบครัวเป็นคนสำคัญไม่ว่าจะมีผลมากหรือน้อยก็ตาม เพราะเด็กไม่ได้เติบโตเพียงลำพัง แต่อย่างน้อยเขาอยากถูกเห็นและมีตัวตน
(**บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์)
“ฉันรังเกียจเยาวชนผู้กระทำความผิดค่ะ”
คือเหตุผลที่ทำให้ ‘ชิมอึนซอก’ เลือกเป็น ‘ผู้พิพากษาสมทบ’ ในศาลเยาวชนของเกาหลีใต้
ด้วยบุคลิกและการพูดจาที่แข็งกร้าวจนเด็กๆ หลายคนต้องส่ายหน้าเพราะเมื่อใดที่เจอเธอ หมายความว่า โทษสถานหนักอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม แม้คดีนั้นจะใหญ่หรือเล็กก็ตาม
แต่ภายใต้คำพิพากษาที่ใครๆ ก็บอกว่า ‘โหด’ และ ‘หนัก’ ของชิมอึนซอก คือ ความตั้งใจในการสร้างบทเรียนชีวิตจากศาลถึงเด็กและครอบครัว
เพราะนี่คือสิ่งที่ ‘ฮงจองชาน’ ผู้กำกับเรื่องนี้ต้องการสื่อสารกับคนดู
“ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้พูดถึงแค่ปัญหาเยาวชน แต่เราอยากสะท้อนปัญหาสังคมที่ไม่ได้รับการแก้ไข เพราะปัญหาเด็กนั้นหมายรวมถึงสังคมและระบบโครงสร้างที่ตั้งต้นจากครอบครัว”
![](https://fkwp.mappamedia.co/wp-content/uploads/2022/03/largephoto1430852-1024x683.jpeg)
แม้เยาวชนจะถูกตีตราว่าเป็นผู้กระทำผิด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวคือองค์ประกอบสำคัญ โดยมีตัวละครหลักเป็น ‘ผู้ใหญ่’ ที่เป็นทั้งคนมอบโอกาสและทิ้งเด็กจำนวนหนึ่งไว้ข้างหลัง
มากกว่านั้น หากผู้ใหญ่คนนั้น คือ พ่อแม่ ที่ปิดการฟังด้วยกำแพงสูงในใจ สุดท้ายต่อให้เด็กส่งเสียงดังว่าเขาอยากมีตัวตนมากเท่าไร พ่อแม่ก็ไม่ได้ยินและไม่เข้าใจ
สำหรับเด็ก ครอบครัวคือส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาเลือกทำผิด ในทุกเรื่อง ทุกคดีที่ปรากฏอยู่ใน Juvenile Justice จะมากหรือน้อยอาจแตกต่างกันตามสายใยและความผูกพันของคนในครอบครัว
อย่างไรก็ตาม คงไม่มีใครอยากเห็นคนในครอบครัวถูกตัดสินว่าเป็น ‘ผู้กระทำผิด’
ลักทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย ชักชวนให้ค้าประเวณี หลอกขายบริการ กระทำชำเรา คดีเด็กที่เริ่มต้นจากครอบครัว
“ถ้าพ่อแม่ไม่เปลี่ยน ลูกก็ไม่มีวันเปลี่ยนได้หรอก”
ชิมอึนซอกบอกกับชาแทจู ผู้พิพากษาสมทบรุ่นน้องหลังปิดคดีฆาตกรรมเด็กชายวัย 7 ปี โดยไร้เงาพ่อแม่ของฮันเยอึน ผู้ต้องหาคดีนี้พลั้งมือฆ่าเด็กคนนั้นผ่านคำกล่าวอ้างว่า ฮันเยอึนมีภาวะหลงผิดจึงเข้าใจว่าเด็กชายที่เดินเข้ามาขอยืมโทรศัพท์จะเข้ามาทำร้าย
แม้ซีรีส์จะไม่ได้บอกว่าเยอึนเริ่มมีอาการหลงผิดตั้งแต่เมื่อไร แต่เมื่ออยู่ตรงหน้าศาล ภาวะทางจิตไม่ใช่ข้ออ้างของการคร่าชีวิตใคร
“หลงผิดว่าปองร้าย โรคจิตเภท ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้นค่ะ สิ่งที่สำคัญ สิ่งที่ชัดเจน ก็คือลูกของฉันตัวสั่นเทาด้วยความกลัว อยู่ในบ้านที่ไม่คุ้นเคย โดยไม่มีแม่ แล้วชิงจากโลกนี้ไปก่อน ฉันยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมลูกฉันที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ถึงต้องตายไปแบบนั้น”
![](https://fkwp.mappamedia.co/wp-content/uploads/2022/03/largephoto1433294-1024x683.webp)
ความรู้สึกของแม่ที่ใจสลาย เพราะลูกชายเพียงคนเดียวต้องจากไปอย่างไร้เหตุผล แม้จะหลงผิด แต่มันเป็นเรื่องชีวิตที่ไม่มีใครมาแทนได้
รวมถึงเรื่องราวของ ‘ซอยูรี’ ที่หนีออกจากบ้าน สิ่งปลูกสร้างที่ไม่เคยปลอดภัย เพราะถูกพ่อทำร้าย
พ่อติดเหล้า พ่อทุบตี พ่อด่า เป็นเรื่องปกติที่ยูรีเจอมาตลอดและคอยกรีดใจ จนเป็นบาดแผลซ้ำซากที่รักษาไม่เคยหาย
“เด็กๆ ที่มีแผลใจจากความรุนแรงในครอบครัว เด็กพวกนั้นจะไม่เติบโตไปมากกว่านี้แล้วครับ ไม่ว่าอีก 10 ปี 20 ปี มีแค่เวลาที่ผ่านไป แต่เด็กพวกนั้นถูกขังอยู่ในห้วงเวลาเหล่านั้นเพียงลำพัง”
ชาแทจูเล่าในมุมมองของผู้ผ่านประสบการณ์ความรุนแรงในครอบครัวมาก่อน เพราะความรักและการอบรมสั่งสอน ไม่เท่ากับความรุนแรงและอำนาจของคนในครอบครัว
เพราะการทำผิดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้พ่อแม่คู่หนึ่งต้องเสียลูกชาย ภรรยาต้องเสียสามี แม่ต้องเสียลูก เด็กต้องมีบาดแผลที่รักษาไม่หาย และบางคนถูกตัดสินว่าเป็นฆาตกร
นอกจากนี้ยังมีคดีอื่นๆ เช่น ลักทรัพย์ ความรุนแรงในครอบครัว ค้าประเวณี หลอกขายบริการ ที่ถูกหยิบมาเล่าในแต่ละตอนของซีรีส์ ซึ่งเป็นเศษเสี้ยวของคดีที่ปรากฏใน Juvenile Justice และเป็นเพียงจุดทศนิยมเดียวของปัญหาเยาวชนที่มีอยู่จริง
![](https://fkwp.mappamedia.co/wp-content/uploads/2022/03/largephoto1433273-1024x683.jpeg)
ขณะเดียวกัน ไม่เพียงแต่ตัวละครอายุไม่เกิน 18 ปีในซีรีส์เรื่องนี้ที่กำลังยืนต่อหน้าบัลลังก์ศาลก้มหน้ายอมรับต่อคำพิพากษา แต่เยาวชนไทยจำนวนหนึ่งก็กำลังอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
รายงานสถิติคดีประจำปี 2563 จัดทำโดยกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ระบุว่า มีเด็กที่ถูกดำเนินคดีทั้งหมด 19,470 คน เกือบร้อยละ 90 เป็นเยาวชนอายุมากกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี
เยาวชนที่ถูกดำเนินคดีเกือบครึ่งหนึ่งถูกจับข้อหายาเสพติด และอีกร้อยละ 20 ถูกจับข้อหาความผิดอื่นๆ เช่น ความผิดพ.ร.บ.จราจรและ พ.ร.บ.การพนัน
การเติบโต คือ การลองผิดลองถูก เด็กคนหนึ่งอาจพลาดก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงจนไม่น่าให้อภัย แต่บทลงโทษจากกฎหมายจะเป็นเครื่องเตือนใจว่า หากทำผิด ครอบครัวควรเป็นคนช้อนรับความรู้สึกและอยู่เคียงข้างพวกเขาเสมอ
แต่วันนี้… เด็กหลายคนบอกปัดครอบครัว เพราะครอบครัวไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับ และไม่รับฟัง จนเด็กคนหนึ่งเติบโตด้วยความไม่เข้าใจและไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาใช้ชีวิตถูกแล้วหรือยัง
“หลังจากเด็กทำผิดเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องทำให้ลูกเข้าใจว่าความผิดที่ก่อไว้รุนแรงแค่ไหน แต่หลังจากนั้นที่ว่ามันไม่มีหรอก” ชิมอึนซอกบอกไว้แบบนั้น
สถานจำแนกเยาวชน ศูนย์ฟื้นฟู โอกาสเริ่มต้นใหม่ของเด็กที่ทำผิด
ตามพ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 เมื่อเด็กคนหนึ่งอายุไม่เกิน 10 ปี ถูกตัดสินว่ากระทำผิด พนักงานสอบสวนจะรวบรวมข้อเท็จจริงส่งอัยการเพื่อประเมินความจำเป็นว่าต้องได้รับการสงเคราะห์หรือไม่
ขณะเดียวกันถ้าผู้กระทำผิดอายุ 10-18 ปี มีโอกาสที่เด็กจะถูกส่งตัวไปอยู่กับบุคคล องค์กร โรงเรียน หรือสถานฝึกอบรมเพื่อควบคุมความประพฤติหรืออาจใช้มาตรการบำบัดฟื้นฟูแทนการดำเนินคดี
หาก Juvenile Justice มีสถานพินิจ สถานจำแนกเยาวชน และศูนย์ฟื้นฟูที่ทำงานใกล้ชิดเด็กๆ ในไทยก็มีสถานที่เหล่านี้เช่นกัน ซึ่งมีเป้าหมายเดียวกัน คือ จำลองโลกความจริง อบรมสั่งสอน เพื่อคืนเด็กผู้ทำผิดกลับสู่สังคม
ข้อมูลล่าสุดวันที่ 2 มีนาคม 2565 ประเทศไทยมีสถานพินิจรวม 78 แห่งที่มีเด็กอยู่เกือบ 2,000 คนรอการพิสูจน์ความจริงภายใต้กระบวนการยุติธรรม และมีศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนจำนวน 21 แห่งทั่วประเทศที่ต้องดูแลเด็กๆ และอบรมเด็กจากสถานพินิจมากกว่า 2,000 คน
“เคยกลัวนะ แต่พอเข้ามาแล้ว เรามาถอดบทเรียนว่าทำไมเขาถึงกระทำผิด เราก็เข้าใจแล้วหายกลัว เราได้รู้ว่า เด็กหนึ่งคนไม่ได้เกิดมาแล้วอยากกระทำผิด แต่เขาต้องผ่านความทุกข์โศกมามากแค่ไหน เราก็เปลี่ยนความคิดเหมือนกันว่า จะมองเด็กแบบไหน มองที่พฤติกรรมสุดท้ายว่าเขาเป็นอาชญากร หรือมองความยากลำบากที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา”
ครูบุ๋ม หนึ่งในครูประจำบ้านจากบ้านกาญจนาภิเษก หนึ่งในศูนย์ฝึกของรัฐให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ 101.World เมื่อ 3 ปีก่อน เพราะการจะเข้าใจเหตุผลในการกระทำผิดของเด็กคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย
สถิติการทำผิดซ้ำของเยาวชนที่ถูกปล่อยตัวในรอบ 1 ปี มีแนวโน้มสูงขึ้นในปีงบประมาณ 2558 – 2562 จากร้อยละ 22.73 เป็นร้อยละ 25.39
แนวคิดของครูบุ๋มไม่ต่างจากโอซอนจา หัวหน้าศูนย์ฟื้นฟูพูรึมจากซีรีส์เรื่องนี้ที่รู้ดีว่า เด็กๆ กำลังถูกตีตราจากสังคม หน้าที่ของเธอ คือ การสอนเด็กๆ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากชุมชนรอบข้าง
![](https://fkwp.mappamedia.co/wp-content/uploads/2022/03/Screen-Shot-2565-03-04-at-12.23.03-1024x564.png)
“แม้ว่าเด็กๆ ที่นี่จะอายุน้อยแค่ไหน แต่สำหรับคนทั่วไป พวกแกก็แค่อาชญากร เพราะฉะนั้นเมื่อพวกแกมาถึงที่นี่ สิ่งแรกที่ฉันพยายามจะสอน คือ งานบ้านและการทักทาย ไม่ว่าจะอ้างอะไรก็เปลี่ยนความจริงที่ว่าเด็กๆ ทำผิดไม่ได้ ถ้าอคติมันแรงมาก ก็มีเพียงวิธีเดียวที่จะเอาชนะได้ คือ การเผชิญหน้า ก็มีแค่งานอาสานี่แหละ”
“เด็กๆ ที่เคยชินกับการถูกชี้นิ้วด่า ตอนนี้พวกแกชินกับการได้รับคำชมแล้วค่ะ”
เพราะอย่างน้อยในวันที่พ่อแม่ไม่เข้าใจ ครูๆ ในศูนย์ฝึกจะต้องเปิดพื้นที่และโอกาสให้เด็กที่พลาดกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ถึงจะไม่มีสิ่งใดมาการันตีได้ว่า เด็กที่เราดูแลในวันนี้ อนาคตพวกเขาจะไม่ทำผิดซ้ำ แต่อย่างน้อยเขาควรรู้ว่า อะไรคือสิ่งที่เขาพลาดไป
สำหรับเด็กการออกจากบ้านอาจปลอดภัยกว่าชีวิตไร้ตัวตน
“ถ้าเรามีพ่อแม่ดีๆ ชีวิตเราคงไม่เฮงซวยขนาดนี้หรอก”
โอกยองซู สารภาพความผิดว่าเขาร่วมมือกับฮวังอินจุน แบคโดฮยอน ซอดงกยุน หลอกกระทำชำเรา ‘คังซอนอา’ เด็กผู้หญิงที่เหงาเพราะไม่มีเพื่อน
นอกจากนี้ทั้ง 4 คนยังเป็นสมาชิกแก๊งหนีออกจากบ้าน เพราะการอยู่ข้างนอกอาจปลอดภัยกว่าชีวิตไร้ตัวตนในบ้าน
“จริงๆ แล้วแบคโดฮยอนมันเกิดบนกองเงินกองทองที่ออกจากบ้านก็เพราะแม่เลี้ยง ถ้ามันไม่ให้เงินเรา เราก็ไม่เชื่อฟังมันหรอกครับ” ซอดงกยุนอธิบายเพิ่ม
“พ่อห่วยๆ ของผมชอบต่อยคนเวลาเมา แม่ทนไม่ไหวเลยออกจากบ้านไป ลุงเขยของดงกยุนก็เหมือนกัน” โอกยองซูบอกต่อ
![](https://fkwp.mappamedia.co/wp-content/uploads/2022/03/largephoto1435855-1024x683.webp)
เช่นเดียวกับคังเยนา เยาวชนผู้กระทำผิดที่ถูกจับข้อหาเป็นนายหน้าขายบริการและใช้ชีวิตอยู่ที่ศูนย์ฟื้นฟูพูรึม
สำหรับเยนาแม่คือที่พึ่งหนึ่งเดียวในใจ แต่ครั้งล่าสุดที่เจอแม่ คำตอบของแม่ คือ การปิดประตูใส่พร้อมบอกสามีใหม่ว่า ลูกสาวคนนี้เป็นเพียงคนแปลกหน้า
ปี 2563 มูลนิธิกระจกเงาระบุในแถลงการณ์กรณีสถานการณ์เด็กหายว่า มูลนิธิกระจกเงาได้รับแจ้งเด็กหาย 224 คน โดยสถานการณ์เด็กหายที่พบมากที่สุด คือ เด็กวัยรุ่น ช่วงอายุ 10-15 ปี ที่สมัครใจหนีออกจากบ้าน โดยปัจจัยหลักมาจากปัญหาความรุนแรงในครอบครัว และปัจจัยสนับสนุนจากเด็กที่ติดต่อพูดคุยกับคนในโลกออนไลน์ในลักษณะชู้สาว
ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิดและไม่ควร แต่เด็กคนหนึ่งก็ยังทำ เพราะอยากมี ‘ตัวตน’ ในสายต่อพ่อแม่และถูกยอมรับจากสังคม
“เด็กๆ ที่มีแผลใจจะทำร้ายตัวเอง เพราะพวกเขาอยากให้ความทรมานจากการทำร้ายตัวเอง สร้างแผลในใจให้ครอบครัวด้วยเหมือนกัน ช่วยมองมาที่ฉันหน่อย ฉันทรมาน ทำไมถึงไม่สนใจกันบ้าง ที่จริงจุดเริ่มต้นของการกระทำผิดส่วนใหญ่มาจากครอบครัว”
ประสบการณ์การเป็น ‘ครู’ บอกโอซอนจา หัวหน้าศูนย์ฟื้นฟูพูรึมว่า ไม่ว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวเด็กคนหนึ่งจะแย่แค่ไหนครอบครัวคือองค์ประกอบสำคัญในการเติบโตของเด็กและเยาวชน
![](https://fkwp.mappamedia.co/wp-content/uploads/2022/03/largephoto1435849-1024x683.jpeg)
คำถามคือ หากเด็กคนหนึ่งทำผิด เขาควรแบกรับความรู้สึกผิด ความเจ็บปวด และบทลงโทษนั้นไว้คนเดียวหรือไม่ ถ้าพ่อแม่ไม่เคยอยู่เคียงข้างเขา
สำหรับชินอึนซอก แม้สภาพแวดล้อมจะแย่ แต่เด็กคือผู้เลือกก่ออาชญากรรม เมื่อเดินผิดทางจนถูกจับแล้วต้องมายืนหน้าศาล พ่อแม่ควรเป็นคนแรกที่รับรู้และรับบทลงโทษนั้นไปด้วยกัน
“เยาวชนไม่ได้เติบโตเพียงลำพังค่ะ แม้ว่าวันนี้เยาวชนจะถูกลงโทษ แต่น้ำหนักของโทษนั้น ผู้ปกครองเองก็ต้องสัมผัสมันไปพร้อมกันค่ะ”
การเลี้ยงเด็กสักคนต้องเลี้ยงทั้งหมู่บ้าน ถ้าหมู่บ้านไม่ใส่ใจก็อาจทำลายชีวิตเขาได้
“นายคิดว่าคนที่ทำผิดมีแค่เด็กพวกนั้นไหม ไม่มีใครมีสิทธิ์มาวิจารณ์หรอก ทุกคนคือผู้กระทำผิด”
ชิมอึนซอกบอกกับผู้พิพากษารุ่นน้องเพราะหลายๆ คดีตลอดทั้งเรื่อง จุดเริ่มต้นมาจาก ‘ผู้ใหญ่’ ที่มากประสบการณ์และบางครั้งกดทับอนาคตและความฝันของเด็กๆ
ในฐานะของผู้พิพากษา หน้าที่ของอาชีพเธอ คือ การสร้างความตระหนักให้เด็กแทนครอบครัวหรือโรงเรียนผ่านกระบวนการยุติธรรม
“กระดุมเม็ดแรกถูกติดไปแบบผิดๆ ตอนที่เด็กมาขึ้นศาลครั้งแรกเพื่อมารับคำพิพากษาหลังจากคร่าชีวิตคนคนหนึ่งไป คิดว่าเด็กๆ เรียนรู้อะไรเหรอคะ ขึ้นชื่อว่ากฎหมายก็ไม่ได้แปลว่าจะปกป้องเหยื่อทุกคน อ๋อ กฎหมายกระจอกชะมัด แค่สามนาที… การพิจารณาคดีก็จบแล้ว”
![](https://fkwp.mappamedia.co/wp-content/uploads/2022/03/largephoto1417807-1024x683.jpeg)
ผู้พิพากษาสมทบหญิงบอกหัวหน้าแผนกในบทบาทของ ‘ผู้พิพากษา’ และ ‘แม่ของเหยื่อ’ บทลงโทษที่โหดและหนักจึงเป็นความใส่ใจของชิมอึนซอก
เมื่อเด็กรู้ว่าเขาทำผิดอะไร เขาอาจจะมีอนาคตและชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องติดกับของการทำผิดอีก
“ฉันรังเกียจเยาวชนผู้กระทำความผิดค่ะ ทัศนคติแบบนั้นของฉันอาจทำให้ใครบางคนต่อว่าและอาจทำให้บางคนเจ็บปวด”
“รังเกียจ ความหมายตามพจนานุกรม หมายถึง ไม่ชอบและเกลียด แม้ฉันจะไม่ชอบและเกลียด แต่เพื่อเยาวชนแล้ว ฉันจะทำสุดความสามารถค่ะ แม้ฉันจะไม่ชอบและเกลียดฉันจะตัดสินให้เป็นกลาง แม้ฉันจะไม่ชอบและเกลียด ฉันก็จะไม่มีอคติใดๆ ต่อเยาวชนค่ะ”
นี่คือหน้าที่ของชิมอึนซอกในฐานะของลูกบ้านคนหนึ่งที่มีหน้าที่เลี้ยงเด็กให้เติบโตในสังคมที่ใส่ใจเพื่อเป็นคนคนหนึ่งที่สนับสนุนไม่ใช่ทำลายชีวิตของ “เด็กและเยาวชน”
ที่มา
https://kdramadiary.com/press-conference/juvenile-justice-press-conference/
http://www.djop.go.th/images/djopimage/year63-2.pdf
http://www.appdjop.djop.go.th/djopsupport/warroom2/warroom1.htm
https://www.the101.world/life-lessons-in-baankanjana/
https://jvnc.coj.go.th/th/file/get/file/20180925610f5b4373766892f08af1757788fadf220707.pdf
https://www.facebook.com/weareoja/photos/a.664480593637716/1947282622024167/
https://www.facebook.com/135097415008/posts/10157631835720009/?d=n
Writer
![Avatar photo](https://fkwp.mappamedia.co/wp-content/uploads/2021/07/Screen-Shot-2564-07-12-at-13.51.45-150x150.png)
ณัฐธนีย์ ลิ้มวัฒนาพันธ์
ชอบดูซีรีส์เกาหลี เพราะเชื่อว่าตัวเราสามารถสร้างพื้นที่การเรียนรู้ได้ สนใจเรื่องระบบการศึกษาเเละความสัมพันธ์ในครอบครัว พยายามฝึกการเล่าเรื่องให้สนุกเเบบฉบับของตัวเอง
illustrator
![Avatar photo](https://fkwp.mappamedia.co/wp-content/uploads/2023/11/messageImage_1698915533524-96x96.jpg)
ชินารินท์ แก้วประดับรัฐ
มีงานหลักคือฟังเพลง งานอดิเรกคือทำกราฟิกที่ไม่มีอะไรตายตัว บางครั้งพูดไม่รู้เรื่องต้องสื่อสารด้วยภาพและมีม