

กลับสู่โรงเรียน กลับสู่ความเหลื่อมล้ำ
กลับสู่โรงเรียน กลับสู่ความเหลื่อมล้ำ
เมื่อห้องเรียนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการทำให้คนรู้สึกเป็นอื่นและแปลกแยกตั้งแต่วัยเยาว์
ลองจินตนาการว่าเด็กคนหนึ่งตื่นเช้าขึ้นมา พร้อมรองเท้านักเรียนขาด ๆ สมุดที่ใช้ต่อกันมาจากพี่สาว และท้องที่ยังว่างเปล่าเพราะไม่มีข้าวเช้ากิน เขาเดินทางไกลเพื่อไปถึงห้องเรียนที่เพื่อนบางคนกำลังคุยกันถึงการเรียนพิเศษออนไลน์เมื่อวาน เด็กคนนี้อาจนั่งอยู่แถวหลัง ไม่ได้ยกมือถาม ไม่ได้กล้าตอบ และค่อย ๆ เรียนรู้ไปโดยไม่เคยรู้สึกว่า “เขาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่”
ในสังคมที่ไม่มีรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า โรงเรียนซึ่งควรเป็นพื้นที่เริ่มต้นของโอกาสและความเท่าเทียม กลับทำหน้าที่คล้ายเครื่องคัดแยกอนาคตอย่างเงียบ ๆ การศึกษาในที่นี้ไม่ได้ลดช่องว่าง แต่กลับผลิตซ้ำความเหลื่อมล้ำ ตั้งแต่ระดับวัตถุ ไปจนถึงระดับความรู้สึก
นี่ไม่ใช่เรื่องของเด็กคนเดียว
ไม่ใช่ปัญหาส่วนบุคคล
ไม่ใช่แค่เรื่องในโรงเรียน
แต่มันคือเรื่องของสังคมทั้งประเทศ
ทั่วโลกให้ความสำคัญกับความเสมอภาคทางการศึกษา เพราะมันคือรากฐานของความยุติธรรม การแข่งขันอย่างมีศักยภาพ และความมั่นคงของสังคมในระยะยาว การศึกษาที่เหลื่อมล้ำไม่เพียงบั่นทอนศักยภาพของเด็ก แต่ยังบ่อนเซาะทุนมนุษย์ของประเทศทั้งระบบ
องค์การระดับโลกอย่าง OECD, UNESCO และ World Bank ต่างยืนยันว่า ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาคืออุปสรรคใหญ่ของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน และเป็นปัจจัยสำคัญที่เชื่อมโยงไปยังปัญหาอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นความยากจน ความไม่เท่าเทียมในตลาดแรงงาน หรือความขัดแย้งทางสังคม
เราจึงพูดเต็มปากไม่ได้ว่าโรงเรียนคือจุดเริ่มต้นของโอกาส และเริ่มตั้งคำถามให้จริงจังว่า “โอกาสที่ว่านี้เป็นของใคร และใครที่ถูกกันออกตั้งแต่ยังไม่เริ่มเกม”
ชวนมองความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในชีวิตเด็กทุกๆ
1. อุปกรณ์การเรียน: จุดเริ่มต้นของการแบ่งแยกเชิงสัญลักษณ์
ในระบบที่ภายนอกดูเหมือน “ฟรี” แต่ภายในกลับแฝงต้นทุนที่มองไม่เห็น เด็กจากครอบครัวเปราะบางมักไม่มีชุดนักเรียน รองเท้า หรืออุปกรณ์พื้นฐานที่เพียงพอ ความขาดแคลนเชิงกายภาพเหล่านี้ไม่เพียงสร้างอุปสรรคในการเรียน แต่ยังทำหน้าที่แบ่งแยกเด็กออกจากความรู้สึก “เป็นส่วนหนึ่ง” ของระบบ ส่งผลต่อแรงจูงใจภายใน (intrinsic motivation) และภาพตัวตนที่พวกเขาสร้างขึ้นเกี่ยวกับตนเองในระยะยาว (Eccles, 2009)
2. ความเหลื่อมล้ำด้านทุนการเรียนรู้ในบ้าน
แม้โรงเรียนจะใช้หลักสูตรเดียวกัน แต่ทุนการเรียนรู้ที่บ้านกลับแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว เด็กที่มีหนังสือ สื่อเรียนรู้ พ่อแม่มีการศึกษา และเข้าถึงอินเทอร์เน็ต จะมีพัฒนาการด้าน executive function และ metacognitive skills ที่ดีกว่า ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานสำคัญต่อการพัฒนาเป็นแรงงานในเศรษฐกิจฐานความรู้ (Heckman, 2006)
3. ความมั่นคงทางอาหารในวัยเรียน
ภาวะทุพโภชนาการส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาสมอง ความจำ และสมาธิ ซึ่งส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญ งานศึกษาของ กสศ. (2565) ระบุว่า เด็กยากจนพิเศษมากกว่า 1.2 ล้านคนเสี่ยงขาดสารอาหาร และในหลายพื้นที่ อาหารกลางวันที่โรงเรียนคือมื้อหลักของวัน ปัญหานี้ไม่ได้กระทบแค่สุขภาพเด็ก แต่กระทบต่อความพร้อมของกำลังคนในอนาคต
4. ความไม่เสมอภาคในการเข้าถึงโรงเรียน
การเดินทางที่ยากลำบากในชนบท ระบบขนส่งที่ไม่เอื้อต่อการเข้าถึงโรงเรียน ส่งผลให้เด็กจำนวนหนึ่งขาดเรียนเป็นประจำหรือหลุดออกจากระบบไปเลย TDRI (2563) ระบุว่า เด็กในพื้นที่ห่างไกลมีความเสี่ยงสูงในการหลุดจากการศึกษาอันเนื่องมาจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง ซึ่งส่งผลต่อการสูญเสียทุนมนุษย์ในระดับชาติอย่างเงียบ ๆ
5. สุขภาวะทางใจ: ความแปลกแยกที่ฝังอยู่ลึก
เด็กที่เติบโตมากับความรู้สึกว่า “ฉันด้อยกว่า” หรือ “ฉันไม่มีคุณค่า” มักจะพัฒนา self-concept ที่เปราะบาง ซึ่งส่งผลต่อทั้งการเรียนรู้ในปัจจุบันและการตั้งเป้าหมายในอนาคต ความเครียดเรื้อรัง (chronic stress) ยังส่งผลต่อโครงสร้างสมองโดยเฉพาะในส่วน prefrontal cortex ที่ควบคุมการตัดสินใจและการควบคุมตนเอง (Center on the Developing Child, Harvard University, 2016)
6. ค่าใช้จ่ายแฝง: กลไกการคัดกรองคนออกจากระบบที่มองไม่เห็น
แม้โรงเรียนจะไม่มีค่าเล่าเรียนโดยตรง แต่ค่าเสื้อกิจกรรม ค่าทัศนศึกษา ค่าเรียนพิเศษ และค่าวัสดุการเรียน คือ “ต้นทุนแฝง” ที่ผลักให้เด็กจำนวนมากหลุดจากการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เสริมสร้างทักษะชีวิต (life skills) และทักษะอาชีพ (career readiness) ทำให้ในระยะยาว เด็กกลุ่มนี้มีความพร้อมในการเข้าสู่โลกงานน้อยกว่าคนรุ่นเดียวกันอย่างชัดเจน
7. การกระจายโรงเรียนคุณภาพไม่ทั่วถึง
ความแตกต่างของคุณภาพโรงเรียนระหว่างเมืองกับชนบท ทำให้เด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลมีโอกาสเข้าถึงครูที่มีประสบการณ์ต่ำกว่า ขาดแคลนสื่อ และขาดระบบสนับสนุน ซึ่งส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและการเลือกเส้นทางอาชีพในอนาคต OECD (2019) ชี้ว่า ช่องว่างนี้ทำให้ความเหลื่อมล้ำในเชิงภูมิศาสตร์สะสมกลายเป็นความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจระยะยาว
8. การตีตราทางสังคมและการลดทอนศักดิ์ศรี
เมื่อเด็กยากจนถูกปฏิบัติเหมือน “เป็นปัญหา” หรือถูกตั้งความคาดหวังต่ำกว่าปกติ พวกเขามักกลืนกินความด้อยค่าจนกลายเป็นความเชื่อถาวรเกี่ยวกับศักยภาพของตนเอง ซึ่งบั่นทอนความสามารถในการใฝ่ฝันและลงทุนกับอนาคตตนเอง การตีตรานี้ไม่เพียงลดพลังของบุคคล แต่ยังลดศักยภาพโดยรวมของสังคมในการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม
9. ความเหลื่อมล้ำด้านความคิดสร้างสรรค์
แม้เด็กจะเรียนในโรงเรียนเดียวกัน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะถูก “ปลูกฝังให้คิดเอง” เท่ากัน เด็กที่กล้าถาม กล้าทำผิด กล้าคิดต่าง มักอยู่ในโรงเรียนทางเลือกหรือบ้านที่สนับสนุน ขณะที่เด็กในระบบหลักยังถูกสอนให้ทำตามคำสั่งแบบเป๊ะ ๆ นี่คือความเหลื่อมล้ำเชิงวัฒนธรรม (cultural inequality) ที่ส่งผลให้เด็กจำนวนมากกลายเป็น “แรงงานผู้ตาม” ไม่ใช่ “ผู้สร้าง”
10. ความเหลื่อมล้ำทางอารมณ์ในห้องเรียน
ครูคือผู้กำหนดบรรยากาศในห้องเรียน แต่ครูจำนวนมากเองก็ถูกระบบกดทับ เด็กในโรงเรียนที่มีครูเหนื่อยล้า ขาดแรงสนับสนุน และถูกประเมินแบบจับผิด จะได้รับสิ่งที่ต่างจากเด็กในโรงเรียนที่ครูมีแรงบันดาลใจ มีทีมสนับสนุน และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นี่คือความเหลื่อมล้ำที่ไม่ปรากฏในรายงาน แต่ฝังลึกในประสบการณ์ของเด็กทุกวัน
11. ระบบประเมินที่ลำเอียงภายใต้หน้ากากของความยุติธรรม
การสอบกลางคืออาวุธที่ดูเหมือนยุติธรรม แต่จริง ๆ แล้วลำเอียงที่สุด เพราะมันมองข้ามความถนัด ความแตกต่างทางการเรียนรู้ และบริบทชีวิตของเด็ก เรากำลังป้อนเด็กเข้าสู่ระบบที่วัดปลาด้วยการปีนต้นไม้ แล้วประหลาดใจว่าทำไมมันถึงว่ายน้ำไม่เก่ง
12. เด็กไม่มีเสียงในระบบที่ออกแบบมาเพื่อพวกเขา
เด็กคือผู้ใช้งานหลักของระบบโรงเรียน แต่มีบทบาทน้อยมากในการออกแบบนโยบาย การไม่มีพื้นที่ให้เด็กสะท้อนความคิด ความรู้สึก หรือออกแบบห้องเรียนเอง คือความเหลื่อมล้ำเชิงอำนาจ (power asymmetry) ที่ฝังลึก และทำให้เด็กเรียนรู้ตั้งแต่ต้นว่า “ผู้ใหญ่คือคนกำหนดทุกอย่าง”
13. ความเหลื่อมล้ำด้านอัตลักษณ์ (Identity)
เด็ก LGBTQ+ เด็กชาติพันธุ์ เด็กมุสลิม เด็กไร้สัญชาติ ล้วนเผชิญกับความเหลื่อมล้ำที่มากกว่าแค่รายได้ ห้องเรียนจำนวนมากไม่มีภาษา วัฒนธรรม หรือหลักสูตรที่ยอมรับว่า “เขาคือใคร” การไม่มีพื้นที่ยืนยันตัวตน = การไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของห้องเรียนที่ตัวเองเรียนอยู่
14. Digital Divide: รอยแยกแห่งยุคสมัย
เราพูดถึง AI, Coding, Digital literacy แต่เด็กบางกลุ่มยังไม่มีอุปกรณ์พื้นฐาน ไม่มีพื้นที่ทำการบ้าน ไม่มีผู้ใหญ่ที่เข้าใจเทคโนโลยี Digital divide ไม่ได้แค่ทำให้เรียนไม่ทัน แต่มันคือการโดนกีดกันออกจากโลกใบใหม่ตั้งแต่ยังไม่เริ่มก้าว
15. โรงเรียนที่ผลิตซ้ำโครงสร้างชนชั้น
ระบบโรงเรียนที่ดีแต่ป้อนเด็กไปสู่ระบบการแข่งขันในมหาวิทยาลัย โดยไม่มีระบบรองรับเด็กที่ไม่ไปต่อ คือระบบที่ปล่อยให้เด็กจำนวนมาก “ตก” จากกระแสหลัก และเมื่อไม่มีการฝึกทักษะชีวิตหรือทักษะอาชีพจริงจัง ห้องเรียนก็ทำหน้าที่ซ้ำเติมโครงสร้างชนชั้นมากกว่าทลายมัน
ถึงพ่อแม่ยุคใหม่ที่ตั้งใจเลี้ยงลูกอย่างดีที่สุด : แม้ลูกเราจะเก่งแค่ไหน แต่การอยู่ในประเทศที่เหลื่อมล้ำ ก็ยังทำให้ลูกขาดโอกาสเท่าเดิม
ในสังคมที่ยังเต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง การศึกษาถูกคาดหวังให้เป็นเครื่องมือของการยกระดับชีวิต แต่หากระบบการศึกษาเองกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการกีดกันและตอกย้ำความไม่เท่าเทียมตั้งแต่วัยเยาว์ บทบาทของการศึกษาก็จะย้อนแย้งกับเจตนารมณ์ของมันโดยสิ้นเชิง
แม้พ่อแม่จะพยายามอย่างที่สุดในการเลี้ยงดูลูกให้เป็นพลเมืองที่ดี มีทักษะ มีความคิดสร้างสรรค์ และแข่งขันได้ในระดับโลก แต่หากประเทศยังไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานของความเท่าเทียมโดยเฉพาะในเรื่องการศึกษา เด็กเหล่านั้นก็จะต้องเติบโตท่ามกลางระบบที่ฉุดรั้งศักยภาพของพวกเขาเองอยู่ตลอดเวลา
การเลี้ยงลูกให้ดีจึงไม่เพียงพอ หากสังคมรอบข้างยังไม่ถูกเลี้ยงดูให้ดีไปพร้อมกัน
ห้องเรียนไม่ควรเป็นพื้นที่ผลิตความรู้สึกแปลกแยกตั้งแต่วัยเยาว์ แต่ควรเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างพลเมืองที่รู้สึกเป็นเจ้าของอนาคตร่วมกัน หากเราหวังจะพัฒนากำลังคนที่ไปสู่โลกอนาคตที่มีคุณภาพชีวติที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง
อ้างอิง
- Heckman, J. J. (2006). Skill formation and the economics of investing in disadvantaged children. Science, 312(5782), 1900-1902.
- Eccles, J. S. (2009). Who am I and what am I going to do with my life? Personal and collective identities as motivators of action. Educational Psychologist, 44(2), 78-89.
- Center on the Developing Child, Harvard University. (2016). From Best Practices to Breakthrough Impacts.
- กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.). (2565). สถานการณ์เด็กยากจนพิเศษในประเทศไทย.
- TDRI. (2563). ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในชนบทไทย: ปัจจัยและแนวทางแก้ไข.
- OECD. (2019). Education at a Glance.
- UNESCO. (2022). Global Education Monitoring Report.
- Friedman, S., & Laurison, D. (2019). The Class Ceiling: Why it Pays to be Privileged. Bristol University Press.
Writer

Admin Mappa
illustrator

Arunnoon
มนุษย์อินโทรเวิร์ตที่อยากสื่อสารและเชื่อมโยงกับผู้คนผ่านภาพวาด