

ใบไม้แปลงร่าง : เมื่อใบไม้ธรรมดา ฝึกให้เด็กคิดยืดหยุ่น มองโลกหลายมุม และเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงด้วยทักษะ Shift Cognitive Flexibility
ใบไม้แปลงร่าง : เมื่อใบไม้ธรรมดา ฝึกให้เด็กคิดยืดหยุ่น มองโลกหลายมุม และเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงด้วยทักษะ Shift Cognitive Flexibility
ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการปรับตัวและมองสิ่งต่างๆ ได้หลายมุมมองกลายเป็นทักษะสำคัญที่เด็กควรได้รับการพัฒนาตั้งแต่เล็ก
“นี่มันแค่ใบไม้นี่!”
เสียงเด็กชายร้องประท้วงดังขึ้นเมื่อพ่อถือใบไม้ใบเล็กๆ มาให้ดู วันนั้นฝนพรำ ใบไม้เปียกชื้น น่าจะเป็นวันที่น่าเบื่อ แต่พ่อยิ้มแล้วพูดว่า “เดี๋ยวก่อน ถ้าเราลองพลิกใบไม้แบบนี้ล่ะ?”

ทันใดนั้น ใบไม้ธรรมดาใบเล็กๆ ก็กลายเป็นเรือใบลำเล็กที่กำลังต่อสู้กับคลื่นลมในทะเลกว้าง เด็กชายลืมการประท้วงไปเลย ดวงตาเป็นประกายขณะที่จินตนาการเริ่มทำงาน “แล้วถ้าเรือมันล่มล่ะ?” เขาถาม
“งั้นมันก็กลายเป็นปลาแทน และว่ายน้ำหนีไปได้!”

นี่คือช่วงเวลาที่ใบไม้ใบเล็กๆ ไม่ได้เป็นแค่ใบไม้อีกต่อไป แต่กลายเป็นประตูสู่โลกแห่งความเป็นไปได้ไม่รู้จบ และนี่คือสิ่งที่นักจิตวิทยาเรียกว่า การเปิดสวิตช์ “ความยืดหยุ่นทางความคิด”
วันนี้เป็นผีเสื้อ พรุ่งนี้เป็นจรวด
ลองนึกถึงความรู้สึกตอนเด็กที่เราเห็นเมฆบนฟ้าเป็นช้าง เป็นปราสาท หรือเป็นไอศกรีมยักษ์ นั่นคือพลังของทักษะยืดหยุ่นความคิด หรือ Cognitive Flexibility ที่ทำงานอย่างเต็มกำลัง แต่ปัญหาคือ เมื่อโตขึ้น เราค่อยๆ สูญเสียความสามารถนี้ไป จนกระทั่งเมฆกลับไปเป็นแค่เมฆ และใบไม้กลับไปเป็นแค่ใบไม้

แต่เด็กที่ยังคงพลังนี้ไว้ได้จะเป็นเด็กที่มีชีวิตเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ เมื่อของเล่นหัก เขาไม่ร้องไห้ แต่กลับคิดว่า “เอาชิ้นส่วนนี้มาสร้างปราสาทใหม่ดีกว่า!” เมื่อแผนของวันนั้นเปลี่ยน เขาไม่หงุดหงิด แต่กลับตื่นเต้นว่า “วันนี้เราจะได้ไปทำอะไรใหม่กัน?”
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องน่ารักๆ ของเด็กๆ แต่เป็นทักษะที่จะตามติดพวกเขาไปตลอดชีวิต เด็กที่คิดยืดหยุ่นได้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เห็นโอกาสในวิกฤต เห็นทางออกในทางตัน และเห็นความงดงามในสิ่งที่คนอื่นมองข้าม
นิทานที่เปลี่ยนสมองเด็ก
รู้มั้ยว่าทำไมเด็กถึงชอบให้เราอ่านนิทานเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก? เพราะในแต่ละครั้งที่ฟัง สมองของเขากำลังฝึกการเป็นคนละคน วันนี้เขาอาจรู้สึกเป็นเจ้าหญิง พรุ่งนี้เป็นมังกร วันหลังอาจเป็นราชาใต้ทะเล

นิทานแต่ละเรื่องจึงเป็นเหมือน “ยิม” สำหรับสมอง ที่เด็กได้ฝึกกล้ามเนื้อความคิดโดยไม่รู้ตัว ทุกครั้งที่พวกเขาเข้าไปในโลกของนิทาน พวกเขากำลังฝึกการเปลี่ยนมุมมอง การปรับตัว การที่ตัวละครในนิทานต้องหาทางออกใหม่ๆ เมื่อวิธีเดิมไม่ได้ผล จะช่วยให้เด็กเรียนรู้ว่าปัญหาหนึ่งสามารถมีคำตอบได้หลายแบบ
และเมื่อเด็กได้อ่านนิทานซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็เหมือนเด็กได้ฝึกทักษะต่างๆ ไปด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือ ทักษะ Shift Cognitive Flexibility หรือการยืดหยุ่นความคิด เป็นส่วนหนึ่งของทักษะสมองส่วนหน้า Executive Functions (EF) ที่เปรียบเสมือนระบบควบคุมการทำงานของสมองทั้งระบบ ทักษะนี้ช่วยให้เด็กสามารถเปลี่ยนความสนใจ ปรับเปลี่ยนวิธีคิด และหาแนวทางแก้ปัญหาใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป
เมื่อ ‘ใบไม้’ แปลงร่างเป็นการเล่น
“ใบไม้แปลงร่าง” หนังสือ non-fiction จากสำนักพิมพ์สานอักษร คือหนังสือที่ทำให้เราตื่นขึ้นมาจากวิธีการมองโลกแบบเดิมๆ มุมมองเดิมๆ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้มาบอกว่า “ใบไม้คือใบไม้อะไร” แต่มาตั้งคำถามว่า “ใบไม้ที่ว่านั้นอาจจะเป็นอะไรได้อีกบ้างนะ?”

แค่ใบไม้ธรรมดาๆ เมื่อเราพลิกมันขึ้นมาแล้วมองผ่านแว่นตาจินตนาการ มันอาจจะเป็น:
- ผีเสื้อ
- ปลา
- ฝูงลูกอ๊อด
- แมว ???
แค่คิดก็สนุกแล้ว แต่ที่สนุกกว่าการดูภาพในหนังสือ คือการที่เด็กจะวิ่งออกไปข้างนอก เก็บใบไม้มาเอง แล้วใช้มือเล็กๆ ของเขาพลิกไปพลิกมา มองจากมุมนี้ มุมนั้น จนกระทั่งเขาเจอ “ผีเสื้อ!” ด้วยตัวเอง
“พ่อ! ดูสิ! ใบไม้นี้เป็นปลา!” “แม่! ใบไม้นี้เป็นผีเสื้อ!” “พี่สายเมฆ! ใบไม้นี้เป็นดาบของซามูไร!”
นี่คือช่วงเวลาที่สมองเด็กกำลัง “อัพเกรด” ตัวเอง ทุกครั้งที่เขาเปลี่ยนมุมมอง ทุกครั้งที่เขาคิดว่า “หรือจะเป็นอย่างนี้ดีกว่า?” นั่นคือการฝึกทักษะที่จะทำให้เขามีชีวิตที่ยืดหยุ่นและเต็มไปด้วยความเป็นไปได้
เมื่อฝนคือความชุ่มฉ่ำไม่ใช่ความเฉอะแฉะและปัญหาไม่ใช่ปัญหา
ในวันที่ฝนตก ใบไม้ที่เปียกฝนที่เด็กส่วนใหญ่อาจจะไม่สนใจ แต่ในมือของเด็กที่มีความคิดยืดหยุ่น มันกลายเป็น “เรือที่ผ่านพายุมา พร้อมลุยการผจญภัยต่อไป!” นี่คือความแตกต่างระหว่างเด็กที่เห็นปัญหาเป็นปัญหา กับเด็กที่เห็นปัญหาเป็นจุดเริ่มต้นของเกมใหม่

เมื่อใบไม้ไม่เป็นดั่งใจระหว่างที่กำลังเล่น เด็กที่ขาดความยืดหยุ่นอาจจะร้องไห้ แต่เด็กที่มีทักษะนี้จะคิดว่า “ได้เลย! ตอนนี้มันเป็นเรือที่ชำรุดแล้ว!” หรือ “เอาชิ้นส่วนนี้มาทำต่อเป็นแมวกันเถอะ!”
นี่ไม่ใช่แค่การเล่น แต่เป็นการฝึกซ้อมสำหรับชีวิตจริง เมื่อโตขึ้น แผนงานอาจไม่ได้ผลตามที่คิด พวกเขาจะไม่หยุดอยู่แค่ความผิดหวัง แต่จะถามว่า “แล้วตอนนี้เราจะทำอะไรใหม่ได้บ้าง?”
ความมหัศจรรย์ของการมองเห็นใหม่
โลกจะน่าสนใจขนาดไหน ถ้าเราเห็นสิ่งธรรมดาๆ ด้วยสายตาของเด็กที่อ่าน “ใบไม้แปลงร่าง” ดินอาจกลายเป็นแป้งทำขนม ก้อนเมฆอาจเป็นฝ้ายสำหรับทำหมอน กิ่งไม้อาจเป็นไม้กายสิทธิ์ของพ่อมด

เด็กที่ได้รับการปลูกฝังความคิดยืดหยุ่นจะไม่รู้สึกว่าชีวิตน่าเบื่อง่ายเกินไปนัก เพราะสำหรับพวกเขา ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็น “ใบไม้” ที่พร้อมจะพลิกไปพลิกมาตามสถานการณ์
เมื่อเขาโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่นที่ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจ เขาจะไม่ตกใจ
เมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในที่ทำงาน เขาจะไม่ถอดใจ แต่จะถามว่า “ปัญหานี้จะกลายเป็นโอกาสได้อย่างไร?”
เมื่อใบไม้กลายเป็นครู
สิ่งที่น่าทึ่งดของ “ใบไม้แปลงร่าง” คือมันไม่ได้ให้มุมมองเพียงแค่เด็กๆ แต่ในขณะที่เปิดอ่านกับเด็กๆ หนังสือเล่มนี้ก็ให้ข้อคิดกับผู้ใหญ่ด้วย เมื่อเราเห็นเด็กพลิกใบไม้ไปมาด้วยสายตาที่เป็นประกาย เราก็เริ่มจำได้ว่าความคิดสร้างสรรค์และความยืดหยุ่นคือสิ่งที่เราเคยมี และยังคงมีอยู่ภายใน

เมื่อเด็กชี้ใบไม้แล้วบอกว่า “นี่เป็นหมวกของยักษ์!” แล้วเราตอบกลับไปว่า “หรือจะเป็นร่มของนางฟ้าล่ะ?” นั่นคือช่วงเวลาที่เราทั้งคู่กำลังฝึกความยืดหยุ่นทางความคิดไปด้วยกัน
นี่คือเหตุผลที่หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่หนังสือเด็ก แต่เป็น “ยาปลุกใจ (และปลุกความคิดยืดหยุ่น)” สำหรับทั้งครอบครัว ย้ำเตือนเราว่าโลกใบนี้เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ ถ้าเราแค่ยอมมองด้วยสายตาที่เปิดกว้าง
และเมื่อเราหยิบใบไม้ใบเล็กๆ ขึ้นมา พลิกไปพลิกมา แล้วมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ เราก็จะเข้าใจได้ว่าทำไมสิ่งเล็กๆ อย่างนี้ถึงสามารถเปลี่ยนแปลงโลกของเด็กได้ เพราะมันไม่ได้เป็นแค่ใบไม้ แต่เป็นกุญแจที่เปิดประตูสู่จินตนาการไร้ขีดจำกัด
ใบไม้อาจจะเป็นใบไม้สำหรับเราในวันนี้ แต่สำหรับเด็กที่ได้อ่าน “ใบไม้แปลงร่าง” มันคือ ลูกอ๊อด ปลา ผี้เสื้อ เรือ ร่ม หมวก ดาบ และสิ่งมหัศจรรย์อีกมากมายที่รอการค้นพบ
และนั่นคือสิ่งที่เราเรียกว่า การเรียนรู้ที่แท้จริง
Writer

Admin Mappa
illustrator

Arunnoon
มนุษย์อินโทรเวิร์ตที่อยากสื่อสารและเชื่อมโยงกับผู้คนผ่านภาพวาด