WINNIE THE POOH หมีสีเหลืองที่สอนเราว่า ถ้าเจอปัญหาก็กินน้ำผึ้ง คุยกับเพื่อน และรักตัวเองอย่างที่เป็น

WINNIE THE POOH หมีสีเหลืองที่สอนเราว่า ถ้าเจอปัญหาก็กินน้ำผึ้ง คุยกับเพื่อน และรักตัวเองอย่างที่เป็น

“คุณเข้มแข็งกว่าที่คิด 

ฉลาดกว่าที่เห็น 

และได้รับความรักมากกว่าที่คุณรู้” 

คำพูดโด่งดังจาก Winnie the Pooh เจ้าหมีสีเหลืองในป่าร้อยเอเคอร์สะท้อนถึงสาระสำคัญของตัวละครและเรื่องราวที่อยู่ในใจเด็กๆ และผู้ใหญ่มาอย่างยาวนาน

เราตกหลุมรัก Winnie the Pooh ไม่ใช่เพราะเขาเป็นแค่หมีสีเหลืองที่รักน้ำผึ้งและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในป่าร้อยเอเคอร์ แต่ตัวละครนี้พูดกับพวกเราอย่างจริงจังว่า เราสามารถอ่อนโยนกับชีวิต มีนำ้ใจกับผู้คนรอบตัว และยอมรับตัวเองอย่างที่เป็นไม่ว่าเราจะเป็นอย่างไรก็ตาม เพราะพูห์ ไม่ใช่ตัวละครเอกแสนฉลาด เก่งกาจ ดูแล้วแทบไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลย แต่นั่นไม่เคยสร้างปัญหาให้เขาหรือใครในป่าร้อยเอเคอร์ และพูห์ก็ไม่เคยปล่อยให้สิ่งนั้นมาทำให้ตัวเองหมดความสุข เขารู้วิธีที่จะยิ้มให้กับความผิดพลาด และให้กำลังใจตัวเองเสมอ 

จุดเริ่มต้นของ Winnie the Pooh: เจ้าหมีที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเก็บความทรงจำระหว่างพ่อกับลูกชาย

Winnie the Pooh ไม่ได้เป็นเพียงแค่หมีน่ารักในโลกของดิสนีย์ แต่เป็นตัวละครที่เกิดจากความรักของพ่อที่มีต่อลูกชายของเขา

A. A. Milne คือชายผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวของหมีสีเหลืองที่เรารู้จักกันในวันนี้ แต่เขาไม่เคยตั้งใจจะสร้าง “ไอคอนแห่งวัยเด็ก” หรือ “แคแรคเตอร์ที่ยิ่งใหญ่” สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงสิ่งเดียว “เก็บช่วงเวลาพิเศษระหว่างเขากับลูกชายให้อยู่ตลอดไป”

จากตุ๊กตาสู่ตัวละครในหัวใจของโลก

Christopher Robin Milne ลูกชายของ A. A. Milne มีตุ๊กตาหมีตัวโปรดชื่อว่า Edward Bear ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับ Winnie the Pooh ในเวลาต่อมา

หมีตัวนี้อยู่เคียงข้าง Christopher Robin ตั้งแต่เขายังเล็ก เป็นเพื่อนเล่นที่เฝ้าดูแลเขาทุกวัน พวกเขามีโลกในจินตนาการของตัวเองซึ่งเต็มไปด้วยการผจญภัยใน “ป่าร้อยเอเคอร์” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Ashdown Forest ป่าอันเงียบสงบทางตอนใต้ของอังกฤษ ที่ครอบครัว Milne มักไปเยือนเป็นประจำ

Milne มองเห็นเวทมนตร์ในช่วงเวลาเหล่านั้น และเขาตัดสินใจบันทึกมันไว้เป็นเรื่องราว

จดหมายรักจากพ่อถึงลูกชาย

A. A. Milne ไม่ได้เป็นนักเขียนนิทานเด็กมาก่อน เขาเป็นนักเขียนบทละคร และเคยเป็นทหารในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งทำให้เขามองโลกในมุมที่แตกต่าง เขาเห็นว่าหลังสงคราม โลกต้องการสิ่งที่ อ่อนโยนและบริสุทธิ์

เมื่อเขาเริ่มเขียนเรื่องของ Pooh เขาไม่ได้มองว่ามันเป็นแค่ “นิทานสำหรับเด็ก” แต่เป็น จดหมายแห่งความรัก ถึงลูกชายของเขาเอง

ในปี 1926 หนังสือ “Winnie-the-Pooh” ได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรก ตามมาด้วย “The House at Pooh Corner” ในปี 1928 เรื่องราวเหล่านี้เต็มไปด้วย ความไร้เดียงสาของวัยเด็ก มิตรภาพที่ไม่ซับซ้อน และความสุขในสิ่งเล็ก ๆ

วินนี่ เดอะ พูห์: ตัวแทนของความเรียบง่ายและความเป็นมนุษย์

เจ้าหมีพูห์ ไม่ใช่ฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ เขาไม่ได้ฉลาดที่สุดหรือแข็งแกร่งที่สุด แต่เขาเป็นตัวแทนของ ความรัก ความเมตตา และการใช้ชีวิตที่ไม่เร่งรีบ พูห์ชอบน้ำผึ้ง และมักใช้เวลาหลายชั่วโมงเพียงแค่คิดว่าจะหามันได้จากไหน การมีความสุขง่ายๆ คือการได้กินของที่ชอบ และยิ้มทุกครั้งที่หาทางจนเจอว่าจะได้มันมายังไง ก็สร้างรอยยิ้มให้กับผู้คนได้ เขาไม่กังวลเรื่องอนาคตมากนัก เพราะเขามีความสุขกับปัจจุบัน และเขาเองก็รู้จักวิธีที่จะปลอบโยนเพื่อนๆ เมื่อพวกเขาต้องการ

ตัวละครทุกตัวในเรื่องล้วนเป็นตัวแทนของมนุษย์ที่สะท้อนถึงอารมณ์และประสบการณ์ต่างๆ ของชีวิต เจ้าหมูน้อย Piglet สอนให้เราเห็นว่าความกลัวสามารถเอาชนะได้ด้วยความรักและการให้กำลังใจจากคนที่เรารัก Eeyore แสดงให้เราเข้าใจว่าถึงแม้เราจะรู้สึกเศร้าหรือท้อแท้ แต่เราก็ยังคงเป็นที่รักและมีคนรอบข้างที่เข้าใจและพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเรา Tigger เต็มไปด้วยพลังและความกระตือรือร้น สอนให้เราเปิดรับความสนุกของชีวิต และไม่กลัวที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ แม้จะเผชิญกับความยากลำบากก็ตาม

Milne ได้ถ่ายทอด ความซื่อสัตย์ของวัยเด็ก และ ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ผ่าน Pooh และเพื่อน ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่หลายคนหลงลืมไป

ความสำเร็จที่มาพร้อมกับความขมขื่น

แม้ว่าหนังสือ Winnie the Pooh จะประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล และกลายเป็นที่รักของคนทั่วโลก แต่มันกลับนำมาซึ่งความเจ็บปวดสำหรับ Milne และครอบครัวของเขาเอง

Christopher Robin Milne ที่เคยเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวละครในเรื่อง ไม่ได้รู้สึกมีความสุขกับชื่อเสียงนี้ เมื่อโตขึ้น เขารู้สึกว่าตัวเองถูกผูกติดกับ “เด็กชายในนิทาน” ที่พ่อของเขาสร้างขึ้น จนเขาต้องดิ้นรนเพื่อสร้างตัวตนของตัวเอง

ในขณะที่ Winnie the Pooh กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุข Milne และลูกชายของเขากลับต้องเผชิญกับช่องว่างที่เกิดจากความเข้าใจผิดระหว่างกัน

แต่ถึงแม้เรื่องราวเบื้องหลังจะเต็มไปด้วยความขมขื่น สิ่งที่ Milne สร้างขึ้นก็ยังคงมอบความสุขให้กับผู้คนนับล้านเสมอ

Pooh ที่เรารู้จักในปัจจุบัน

หลังจากที่ Disney ได้ลิขสิทธิ์ Winnie the Pooh ในปี 1961 ตัวละครนี้ก็ได้รับการพัฒนาให้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องแรก The Many Adventures of Winnie the Pooh (1977) ได้รับความนิยมมหาศาล พูห์ได้กลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่มีสินค้ามากที่สุดของดิสนีย์ และในปี 2018 Christopher Robin ก็เป็นภาพยนตร์ที่นำตัวละครจาก Winnie the Pooh มาถ่ายทอดในมุมมองของผู้ใหญ่ ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี แม้จะผ่านไปเกือบศตวรรษ Pooh ก็ยังคงเป็นตัวแทนของความไร้เดียงสาและความสุขที่เรียบง่าย

วันนี้ Winnie the Pooh ไม่ใช่แค่ตัวละครในนิทานเด็ก แต่เป็นเครื่องเตือนใจให้เราทุกคน ว่าเราไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ มิตรภาพและความรักมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด และแม้โลกจะซับซ้อน แต่ความสุขยังสามารถพบได้ในสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว

“คุณกล้าหาญกว่าที่คุณเชื่อ แข็งแกร่งกว่าที่คุณเห็น และฉลาดกว่าที่คุณคิด”

บางที Pooh ก็อาจกำลังกระซิบสิ่งนี้ให้กับเราทุกคนอยู่เสมอ 🐻💛✨

เรื่อง : กองบรรณาธิการ Mappa

ภาพประกอบ : Arunnoon 

#Mappa #CoCreatingNextGeneration #AprilThought #MappaThought #Pooh #WinnieThePooh #A.A.Milne #การยอมรับตัวเอง

Writer
Avatar photo
Admin Mappa

illustrator
Avatar photo
Arunnoon

มนุษย์อินโทรเวิร์ตที่อยากสื่อสารและเชื่อมโยงกับผู้คนผ่านภาพวาด

Related Posts

Related Posts