“ชีวิตมันหนักแค่ไหน มีแค่เราเท่านั้นที่รู้” Welcome to Samdalri : การมีสถานที่ให้กลับไปพักใจ ล้วนเป็นสิ่งที่ดีงาม

“ชีวิตมันหนักแค่ไหน มีแค่เราเท่านั้นที่รู้” Welcome to Samdalri : การมีสถานที่ให้กลับไปพักใจ ล้วนเป็นสิ่งที่ดีงาม

*บทความนี้มีการเปิดเผยถึงเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์เกาหลี Welcome to Samdalri

เราเชื่อว่าซีรีส์และภาพยนตร์ทุกเรื่อง คือบทเรียนที่ทำให้เราเติบโต

ส่วนบทเรียนจากซีรีส์เกาหลีเรื่อง ‘Welcome to Samdalri’ ที่มอบให้คนดูอย่างเรา คือการกลับไปมองหา ‘ที่พักใจ’ ของตัวเอง

‘Welcome to Samdalri’ ซีรีส์แนว Coming Of Age ผสมโรแมนติกดราม่าที่เล่าเรื่องของ ‘โจซัมดัล’ ช่างภาพอนาคตไกลที่เลือกกลับหมู่บ้านซัมดัลรี หมู่บ้านเล็กๆ ที่เธอเติบโต หลังจากโดนแฟนนอกใจและชีวิตการงานที่พังทลาย

“ชีวิตมันหนักแค่ไหน มีแค่เราเท่านั้นที่รู้”

บทความนี้เราจึงอยากชวนทุกคนเก็บกระเป๋าไปพักใจที่หมู่บ้านซัมดัลรีที่จะทำให้เราได้รับบทเรียนชีวิตและเติบโตไปพร้อมกับทุกตัวละคร

ความสำเร็จอาจไม่สำคัญ ถ้าวันนั้นไม่มีใครอยู่ข้างเรา

ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ‘เมืองหลวง’ ไม่ได้หมายถึงความเจริญเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึง ‘ช่องทาง’ และ ‘โอกาส’ ที่มีมากกว่าในพื้นที่ที่ไกลออกไป

แล้วดูเหมือนว่า ‘โจซัมดัล’ ก็จะเป็นคนนั้น คนที่เลือกจะเก็บกระเป๋าออกจากหมู่บ้านซัมดัลรีเพื่อไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในโซลเหมือนกับเพื่อนวัยเดียวกัน

ในวันที่ยังใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เธอมีแก๊งเพื่อนจากหมู่บ้านเดียวกันคอยรับฟังปัญหาชีวิต มีพี่สาวและน้องสาวที่คอยเป็นเบาะรองรับแรงกระแทกในวันที่อะไรๆ ไม่เป็นใจ และยังมีหวานใจที่คอยดูแลเธออยู่ทุกวัน

แล้วเราก็เชื่อว่า เด็กต่างจังหวัดในเมืองหลวงก็หวังให้ชีวิตเป็นแบบนั้นอยู่เหมือนกัน

แต่เมื่อรักครั้งแรกครั้งนั้นจบลง… โจซัมดัลที่เคยบ้างานเป็นทุนเดิม ก็บ้างานมากกว่าเดิม

เธอเริ่มต้นเส้นทางการเป็นช่างภาพด้วยการเป็นเด็กในกองถ่าย ตั้งแต่เด็กจับขาไฟ ยกไฟ กลายมาเป็นผู้ช่วยช่างภาพ และเลื่อนขั้นมาเป็นช่างภาพเต็มตัวในที่สุด

ถ้าดูแบบผิวเผิน ชีวิตของซัมดัลไปได้ดีมากตามระเบียบแผนของสังคม

เป็นผู้หญิงเวิร์กกิ้งวูแมนที่ประสบความสำเร็จ รายล้อมด้วยผู้คนมากมาย

แต่เธอดูเหงาและโดดเดี่ยว

เธอยิ้มเพราะต้องยิ้มตามหน้าที่ แต่ไม่ได้ยิ้มเพราะมีความสุขจากใจจริง

กลับบ้านเจอครอบครัว แต่สุดท้ายเธอก็ยังดูมีเรื่องราวมากมายที่ไม่กล้าบอกใคร

สิ่งนั้นอาจเป็นเพราะความสบายใจของคนใกล้ตัว หรือลึกๆ แล้วก็อาจเป็นเรื่องยากที่ต้องก้าวข้ามความกลัวที่จะยอมรับความจริงในใจตัวเอง

นี่จึงเป็นภาพสะท้อนอย่างหนึ่งว่า ความสำเร็จที่เราได้มา อาจไม่มีค่าเลย ถ้าวันนั้นเราไม่มีคนที่จะแชร์และมีความสุขไปพร้อมกับเรา

ในวันที่อะไรๆ ไม่เป็นใจ เราแค่ต้องการใครสักคนที่ถามว่า “โอเคไหม?”

“โอเคไหม?”

คือประโยคง่ายๆ ที่โจยงพิลพูดกับซัมดัลบ่อยที่สุด เพราะเขาเป็นห่วงเพื่อนวัยเด็กและอดีตแฟนสาวของเขามากกว่าใคร

เพราะรู้ว่าชีวิตในเมืองหลวงมันไม่ง่าย นอกจากจะต้องหอบหิ้วความสำเร็จมาฝากที่บ้านแล้ว ซัมดัลยังต้องแบกรับชื่อเสียงที่เธอสร้างขึ้นมาด้วยตัวเองด้วย

และสิ่งเหล่านั้น ทุกคนในหมู่บ้านก็เข้าใจดี

เพราะฉะนั้น วันที่ซัมดัลทิ้งชีวิตในเมืองกลับบ้าน น้อยคนนักที่จะถามถึงเหตุผลที่เธอกลับมา แต่กลับคอยถามว่าโอเคไหม? คอยแอบดูแลอยู่ห่างๆ มากกว่า เพราะรู้ดีว่าวันหนึ่งเธอจะเข้มแข็งและลุกขึ้นมาสู้กับชีวิตที่โดนสู้กลับได้อีกครั้ง

ซัมดัลก็เป็นภาพแทนคนที่เดินตามขนบสังคม เรียนจบ เข้ามหาวิทยาลัยที่ดี มองหาความมั่นคงจากงาน ไขว่คว้าความสำเร็จ และวิ่งไล่ตามความสำเร็จ

ชีวิตเธอไม่ต่างจากเครื่องจักรที่ทำงานหนักจนลืมถามใจและความรู้สึกลึกๆ ของตัวเอง

ดังนั้นในวันที่อะไรๆ ไม่เป็นใจ โจซัมดัลไม่ได้ต้องการคำปลอบใจที่แสนยิ่งใหญ่ แต่อาจเป็นประโยคคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบว่า “เธอโอเคไหม?”

ที่พักใจ ไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นผู้คน

เชื่อว่าหลายคนอาจเคยได้ยินว่า ‘บ้านไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นผู้คน’

แต่ Welcome to Samdalri บอกเราว่า ไม่ใช่แค่บ้าน แต่ที่พักใจก็หมายถึงผู้คนเช่นกัน

สำหรับโจซัมดัล ชีวิตกลางเมืองโซลไม่ง่าย ทุกครั้งที่คิดถึงบ้าน เขาจะไปธนาคารเจจูซารัง กับ โจยงพิล แฟนของเธอ ไปนั่งร้องไห้ หัวเราะหน้าธนาคาร แค่นั้นก็ทำให้เธอสุขใจ

หรือวันที่ความสำเร็จทุกอย่างพังทลายลงเพราะผู้ช่วยช่างภาพรุ่นน้องหาว่าเธอเป็นรุ่นพี่ที่ทำร้ายจิตใจจนอยากจากโลกนี้ไป เธอผิดหวัง งานแสดงภาพถ่ายที่เธอเตรียมมาตลอดหลายเดือนต้องยกเลิก เธอไม่กล้าสู้หน้าใคร

วันนั้นเธอเลือกกลับบ้าน บ้านเกิดที่มีทั้งเพื่อนและครอบครัวอ้าแขนต้อนรับ

ไม่ใช่แค่เธอ แต่โจจินดัล พี่สาวที่หย่ากับสามีโปรไฟล์ดี เธอก็เลือกกลับบ้านไปหาแม่ รวมถึงโจแฮดัล ที่ท้องตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยจนต้องทิ้งความฝันการเป็นนักว่ายน้ำ ก็เลือกที่จะกลับบ้านเหมือนกัน

เพราะผู้คนในหมู่บ้านซัมดัลลีไม่เคยถามว่า ‘ทำไม’ แต่พร้อมจะใช้ใจเยียวยากันและกัน ด้วยความเชื่อว่า ล้มแล้วก็ต้องลุกให้ได้

ไม่ว่าคุณจะเจอเรื่องหนักหนามาแค่ไหน ที่นี่พร้อมจะเป็นบ้านและที่พักใจให้ทุกคนเสมอ

และคิดว่านี่คือสิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้กำลังพูดกับเรา เหมือนตอนท้ายเรื่องที่ทิ้งข้อคิดอันเรียบง่ายไว้ว่า

“การมีสถานที่ให้กลับไปพักใจ ล้วนเป็นสิ่งที่ดีงาม”

สำหรับโจซัมดัล หมู่บ้านแห่งนี้ทำให้เธอซื่อสัตย์กับความรู้สึก ยิ้ม หัวเราะ และร้องไห้เป็น

และเราก็หวังว่า ทุกคนจะค้นพบที่พักใจของตัวเองเช่นกัน

Writer
Avatar photo
ณัฐธนีย์ ลิ้มวัฒนาพันธ์

ชอบดูซีรีส์เกาหลี เพราะเชื่อว่าตัวเราสามารถสร้างพื้นที่การเรียนรู้ได้ สนใจเรื่องระบบการศึกษาเเละความสัมพันธ์ในครอบครัว พยายามฝึกการเล่าเรื่องให้สนุกเเบบฉบับของตัวเอง

illustrator
Avatar photo
พรภวิษย์ เพ็งเอียด

ชอบกินเนื้อต้มและตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือให้ได้ปีละสามเล่ม

Related Posts

Related Posts