

บ้านควรเป็นพื้นที่ปลอดภัย ไม่ใช่เจอกันทีไรพร้อมลุกเป็นไฟทุกที : ชวนสร้างพื้นที่ที่ทุกคนเป็นตัวเองได้ในวันครอบครัวและวันหยุดยาว
บ้านควรเป็นพื้นที่ปลอดภัย ไม่ใช่เจอกันทีไรพร้อมลุกเป็นไฟทุกที : ชวนสร้างพื้นที่ที่ทุกคนเป็นตัวเองได้ในวันครอบครัวและวันหยุดยาว
เมื่อเริ่มใกล้ถึงเทศกาลสงกรานต์ หลายคนเตรียมแพ็กกระเป๋ากลับบ้านด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเป ความตื่นเต้นที่จะได้กลับไปพบปะครอบครัวและคนที่รัก และความวิตกกังวลเล็กๆ ว่าจะเจอคำถามหรือความคิดเห็นที่อาจทำให้อึดอัดใจ
แม้ว่าบางคนจะรู้สึกว่า “บ้าน” คือพื้นที่ปลอดภัยที่สุด แต่สำหรับหลายคน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ การกลับบ้านอาจทำให้รู้สึกต้องปรับตัวเองเพื่อให้เข้ากับความคาดหวังของครอบครัว ตั้งแต่คำถามเรื่องการเรียน การงาน รายได้ ความสัมพันธ์ ไปจนถึงการแต่งกาย เพศสภาพ หรือรูปร่างหน้าตา
บทความนี้นำเสนอแนวทางการสร้างบ้านให้เป็น “พื้นที่ปลอดภัย” (Safe Space) ในช่วงสงกรานต์และวันครอบครัว โดยให้ความสำคัญกับมุมมองร่วมสมัยที่ตอบสนองความต้องการของคนทุกรุ่น
พื้นที่ปลอดภัยที่แท้จริงคืออะไร?
พื้นที่ปลอดภัย (Safe Space) คือสภาพแวดล้อมที่ทุกคนรู้สึกเป็นอิสระที่จะเป็นตัวของตัวเอง แสดงความคิดเห็น ความรู้สึก และตัวตนได้อย่างเต็มที่ โดยไม่กลัวการถูกตัดสินหรือวิพากษ์วิจารณ์ (สุชาดา ทวีสิทธิ์, 2563)
ลักษณะสำคัญของพื้นที่ปลอดภัยในครอบครัว ได้แก่:
- การยอมรับความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นความคิด ค่านิยม หรือวิถีชีวิต
- การสื่อสารที่เคารพซึ่งกันและกัน ไม่มีการใช้คำพูดที่ตัดสินหรือดูถูก
- การให้อิสระในการตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตของตนเอง
- การรับฟังอย่างตั้งใจและเห็นอกเห็นใจ
- การเคารพขอบเขตส่วนตัวของแต่ละคน
คนรุ่นใหม่ต้องการพื้นที่ปลอดภัยแบบไหน?
งานวิจัยเรื่อง “ทัศนคติและความคาดหวังต่อครอบครัวของเจเนอเรชัน Z และมิลเลนเนียลไทย” (สถาบันวิจัยประชากรและสังคม, 2565) พบว่า คนรุ่นใหม่มีความต้องการพื้นที่ปลอดภัยในครอบครัวที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้:
1. การยอมรับตัวตนที่หลากหลาย
คนรุ่นใหม่เติบโตมาในโลกที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย พวกเขาจึงต้องการการยอมรับในตัวตน ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายทางเพศ ความสนใจที่แตกต่าง หรือเส้นทางชีวิตที่ไม่เหมือนคนรุ่นก่อน
2. การพูดคุยที่เป็นพันธมิตรไม่ใช่ศัตรู
คนรุ่นใหม่ต้องการการสนทนาที่เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ไม่ใช่การสั่งสอนทางเดียว พวกเขาอยากพูดคุยกับผู้ใหญ่ในฐานะพันธมิตร ไม่ใช่ผู้ถูกตัดสินหรือวิพากษ์วิจารณ์
3. ความเข้าใจต่อความกดดันในโลกปัจจุบัน
คนรุ่นใหม่เผชิญกับความกดดันที่แตกต่างจากรุ่นพ่อแม่ ทั้งการแข่งขันในตลาดงาน ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ และค่าครองชีพที่สูงขึ้น พวกเขาต้องการความเข้าใจ ไม่ใช่การเปรียบเทียบกับ “สมัยก่อน”
4. การเคารพความเป็นส่วนตัวในโลกดิจิทัล
ในยุคที่ชีวิตส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับโลกออนไลน์ คนรุ่นใหม่ต้องการความเป็นส่วนตัวในพื้นที่ดิจิทัล เช่น ไม่ตรวจสอบโทรศัพท์หรือโพสต์ในโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้รับอนุญาต
5. การสนับสนุนสุขภาพจิต
สุขภาพจิตเป็นประเด็นที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญ พวกเขาต้องการครอบครัวที่เข้าใจและสนับสนุนการดูแลสุขภาพจิต ไม่มองว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญหรือ “เอาแต่ใจ”
ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของพื้นที่ปลอดภัยในวันสงกรานต์
จากคำถามที่สร้างความอึดอัดสู่การสนทนาที่สร้างสรรค์
แบบเดิม:
“หนูอ้วนขึ้นนะ ทำไมไม่ลดหน่อย?” “เรียนจบแล้วได้งานทำหรือยัง เงินเดือนเท่าไหร่?” “อายุป่านนี้แล้ว ยังไม่คิดจะแต่งงานหรือมีแฟนหรอ?”
แบบใหม่ที่สร้างพื้นที่ปลอดภัย:
“ดีใจที่ได้เจอนะ เป็นยังไงบ้างล่ะ” “ช่วงนี้มีอะไรที่สนใจหรือตื่นเต้นอยากทำบ้าง?” “มีอะไรที่พวกเรา (คุณป้า คุณอา คุณน้า คุณลุง) ช่วยสนับสนุนได้บ้างไหม?” (โอ๊ย ได้ยินประโยคนี้ ใครๆ ก็น่าจะอยากตอบ”)
ตามที่ ดร.พิรงรอง รามสูต (2564) นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการพัฒนาสังคม กล่าวไว้ว่า “การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสนทนาในครอบครัว จากการซักถามและตรวจสอบ มาเป็นการรับฟังและสนใจอย่างแท้จริง เป็นก้าวแรกสู่การสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางอารมณ์”
การจัดพื้นที่ร่วมที่เคารพความแตกต่าง
กิจกรรมที่สร้างสรรค์:
- พื้นที่ปลอดการเมือง: กำหนดช่วงเวลาหรือพื้นที่ที่ทุกคนตกลงจะไม่พูดคุยเรื่องการเมืองที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง
- แบ่งปันเรื่องราวเชิงบวก: แต่ละคนแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา โดยไม่มีการตัดสินหรือเปรียบเทียบ
- สร้างธรรมนูญครอบครัว: ร่วมกันกำหนดแนวทางการพูดคุยและอยู่ร่วมกันในช่วงเทศกาล เช่น “ไม่พูดถึงน้ำหนักหรือรูปร่าง” “ไม่บังคับให้ตอบคำถามส่วนตัว”
การมีข้อตกลงร่วมกันอย่างชัดเจนช่วยสร้างกรอบความปลอดภัยในการปฏิสัมพันธ์ โดยเฉพาะในสังคมไทยที่มีความแตกต่างระหว่างรุ่นค่อนข้างสูง
แนวทางปฏิบัติสำหรับการสร้างพื้นที่ปลอดภัยที่ตอบโจทย์คนทุกวัย
สำหรับผู้สูงอายุและคนรุ่นก่อน:
- ฟังมากกว่าแนะนำ: แทนที่จะรีบให้คำแนะนำหรือตัดสิน ลองฟังอย่างตั้งใจก่อน ทำความเข้าใจว่าโลกวันนี้แตกต่างจากเมื่อ 20-30 ปีก่อน
- ถามก่อนแนะนำ: ก่อนจะให้คำแนะนำ ลองถามว่า “หนู/คุณอยากได้คำแนะนำเรื่องนี้ไหม” บางครั้งคนรุ่นใหม่อาจแค่ต้องการคนรับฟัง
- ยอมรับความแตกต่าง: เข้าใจว่าวิถีชีวิต ค่านิยม และทางเลือกของคนรุ่นใหม่อาจแตกต่างจากสมัยก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าผิดหรือไม่ดี
รศ.ดร.นิภา วัฒนสิงห์ (2564) นักมานุษยวิทยาวัฒนธรรม กล่าวว่า “คนรุ่นเก่าอาจไม่เข้าใจโลกปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก แต่การเปิดใจและพยายามเรียนรู้จะช่วยลดช่องว่างระหว่างวัยได้”
สำหรับคนรุ่นใหม่:
- สื่อสารความต้องการอย่างชัดเจน: บอกสิ่งที่ทำให้รู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายใจอย่างตรงไปตรงมาแต่สุภาพ
- ทำความเข้าใจมุมมองของผู้ใหญ่: พยายามเข้าใจว่าความห่วงใยและคำถามบางอย่างมาจากความรักและความปรารถนาดี
- เตรียมตัวรับมืออย่างสร้างสรรค์: วางแผนล่วงหน้าว่าจะตอบคำถามที่อาจทำให้อึดอัดอย่างไร โดยไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง
ดร.ศรินธร รัตน์เจริญขจร (2565) นักจิตวิทยาคลินิก แนะนำว่า “การฝึกตอบคำถามยากๆ ล่วงหน้าช่วยลดความวิตกกังวลและทำให้มั่นใจมากขึ้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์จริง”
เทคนิคการแก้ไขสถานการณ์เมื่อเกิดความอึดอัด:
- รหัสลับในครอบครัว: ตกลงสัญญาณหรือคำพูดกับคนที่เข้าใจ เพื่อขอความช่วยเหลือเมื่อรู้สึกถูกกดดัน
- การเปลี่ยนเรื่องอย่างแนบเนียน: เตรียมหัวข้อสนทนาหรือกิจกรรมที่น่าสนใจไว้เบี่ยงเบนความสนใจ
- การขอพักสั้นๆ: ไม่ผิดที่จะขอตัวไปเข้าห้องน้ำหรือช่วยทำอะไรบางอย่างเพื่อหยุดพักจากสถานการณ์ที่กดดัน
สร้างบ้านให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ทุกคนอยากกลับมา
วันสงกรานต์และวันครอบครัวคือโอกาสพิเศษในการสร้างความทรงจำที่ดีร่วมกัน การทำให้บ้านเป็นพื้นที่ปลอดภัยทางอารมณ์และจิตใจไม่ใช่เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง แต่เพื่อสร้างบรรยากาศที่ทุกคนรู้สึกมีคุณค่า ได้รับความเคารพ และเป็นตัวของตัวเองได้อย่างแท้จริง
ปัจจุบัน คนรุ่นใหม่มีทางเลือกมากมายในการใช้เวลาวันหยุด การที่พวกเขาเลือกกลับบ้านหรือมาร่วมงานครอบครัวคือสัญญาณที่ดีว่าพวกเขาให้คุณค่ากับความสัมพันธ์ในครอบครัว การตอบแทนด้วยการสร้างพื้นที่ที่พวกเขารู้สึกปลอดภัยจะช่วยให้สายใยครอบครัวแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ดังที่ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี (2565) ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กล่าวไว้ว่า “ความผูกพันที่แท้จริงในครอบครัวเกิดขึ้นเมื่อทุกคนรู้สึกว่าได้รับการยอมรับและมีคุณค่า บ้านที่ปลอดภัยทางใจคือรากฐานของสังคมที่เข้มแข็งและการพัฒนาทุนมนุษย์ที่ยั่งยืน”
ในปีนี้ ลองเปลี่ยนวันสงกรานต์และวันครอบครัวให้เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างวัฒนธรรมใหม่ในครอบครัว ที่ซึ่งทุกคน ไม่ว่าจะอายุเท่าไร มีความคิดเห็นอย่างไร หรือเป็นคนแบบไหน ล้วนรู้สึกว่า “บ้าน” คือสถานที่ที่พวกเขาสามารถเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด
เอกสารอ้างอิง
กรมสุขภาพจิต. (2565). รายงานการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความมั่นคงทางอารมณ์ในครอบครัวกับสุขภาพจิตเยาวชนไทย. กระทรวงสาธารณสุข.
กานนท์ ทิพย์รัตน์. (2565). การสร้างข้อตกลงร่วมเพื่อลดความขัดแย้งในครอบครัวพหุวัฒนธรรม. วารสารจิตวิทยาสังคม, 14(2), 78-94.
นิภา วัฒนสิงห์. (2564). ช่องว่างระหว่างวัยในครอบครัวไทยยุคดิจิทัล. วารสารมานุษยวิทยาสังคมและวัฒนธรรม, 26(1), 45-67.
พิรงรอง รามสูต. (2564). การสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจข้ามรุ่นในครอบครัวไทย. วารสารนิเทศศาสตร์, 39(2), 120-142.
มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว. (2564). ผลสำรวจความสัมพันธ์ในครอบครัวไทยปี 2564. กรุงเทพฯ.
ศรินธร รัตน์เจริญขจร. (2565). เทคนิคการจัดการความเครียดในสถานการณ์ครอบครัว. วารสารจิตวิทยาคลินิก, 53(2), 67-83.
ศูนย์วิจัยความสัมพันธ์ระหว่างวัยแห่งประเทศไทย. (2565). รายงานวิจัยกิจกรรมเสริมสร้างความเข้าใจข้ามรุ่นในครอบครัวไทย. มหาวิทยาลัยมหิดล.
ศูนย์วิจัยสุขภาพจิตประชากรไทย. (2565). ความเครียดและผลกระทบต่อสุขภาพในครอบครัวไทย. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สถาบันวิจัยประชากรและสังคม. (2565). ทัศนคติและความคาดหวังต่อครอบครัวของเจเนอเรชัน Z และมิลเลนเนียลไทย. มหาวิทยาลัยมหิดล.
สมาคมจิตวิทยาคลินิกไทย. (2564). ผลการศึกษาปัจจัยที่ส่งเสริมสุขภาพจิตครอบครัว. กรุงเทพฯ.
สุชาดา ทวีสิทธิ์. (2563). แนวคิดเรื่องพื้นที่ปลอดภัยและการประยุกต์ใช้ในบริบทสังคมไทย. วารสารสังคมศาสตร์, 45(2), 67-85.
สุริยเดว ทรีปาตี. (2565). ทุนมนุษย์กับความผูกพันในครอบครัวยุคใหม่. วารสารคุณธรรมและจริยธรรมทางสังคม, 7(1), 23-41.
Writer

Admin Mappa
illustrator

Arunnoon
มนุษย์อินโทรเวิร์ตที่อยากสื่อสารและเชื่อมโยงกับผู้คนผ่านภาพวาด