Puss in Boots : The Last Wish ชีวิตเดียวก็เพียงพอแล้ว
Puss in Boots : The Last Wish ชีวิตเดียวก็เพียงพอแล้ว
- Puss in Boots : the Last Wish คือแอนิเมชันภาคต่อของ Puss in Boots ที่มีตัวเอกเป็นเจ้าเหมียววัยรุ่นส้ม วีรบุรุษจอมโจรจากเรื่อง Shrek
- ครั้งนี้การผจญภัยของ พุซ เริ่มต้นขึ้นเมื่อเขารู้ว่าเขาใช้ชีวิตไปแปดชีวิตแล้ว และชีวิตนี้คือชีวิตสุดท้ายของเขา พุซที่ไม่เคยนึกถึงความตายจึงเริ่มหวาดกลัวความตายและทำทุกอย่างเพื่อจะกู้คืนอีกแปดชีวิตที่เสียไปหรือรักษาชีวิตสุดท้ายไว้ให้ได้
- ในชีวิตสุดท้ายนี้ พุซได้เจอกับเพื่อนใหม่อย่าง เปอร์ริโต และโจทก์เก่าอย่าง คิตตี ซอฟท์พาวส์ อดีตคนรักของเขา ผู้ที่จะทำให้เขารู้ว่าบางครั้ง ชีวิตเดียวก็คุ้มเกินพอแล้ว
*บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์
ความเชื่อที่ว่าแมวมีเก้าชีวิตนั้นดูจะเป็นความเชื่อที่มีอยู่ทั่วโลก ในอังกฤษก็มีคำกล่าวว่า “แมวมีเก้าชีวิต สามชีวิตแรกคือการเล่น สามชีวิตถัดมาคือการพเนจร และสามชีวิตสุดท้ายคือการดำรงอยู่” ฟังดูคล้ายกับช่วงชีวิตหนึ่งของมนุษย์ที่เราจะใช้ขวบปีแรก ๆ ของชีวิตในการเล่นและเรียนรู้ ขวบปีถัดมาในการออกสำรวจและค้นหาชีวิต และขวบปีท้าย ๆ ที่อิ่มตัวและใช้มันไปกับการ “ดำรงอยู่” เรียบ ๆ ง่าย ๆ จนกว่าความตายจะมาเยี่ยมเยือน และ Puss in Boots : the Last Wish แอนิเมชันภาคต่อของ Puss in Boots เรื่องราวของเจ้าเหมียวสุดยียวน หนึ่งในตัวละครแสนโดดเด่นจาก Shrek ก็ได้นำความเชื่อเรื่องแมวมีเก้าชีวิต และการตั้งคำถามต่อความหมายของชีวิตมาเป็นแกนเรื่องหลักในภาคนี้
หากใครคุ้นหูคุ้นตาเจ้าเหมียววัยรุ่นส้มจากเรื่อง Shrek หรือจาก Puss in Boots ในภาคแรก ก็จะรู้ว่า พุซ เป็นแมวเจ้าเสน่ห์ ยียวนกวนประสาท เจ้าเล่ห์แสนกล ชอบการผจญภัยโลดโผน และมีบุคลิกแบบวีรบุรุษนอกขนบ ไม่ได้มีอุดมการณ์สูงส่ง ทำผิดกฎหมาย แต่ก็ทำให้ใครหลายคนหลงรักได้ด้วยบุคลิกส่วนตัว สำหรับเสน่ห์ของพุซก็คือการปล่อยใจจอย ๆ ไม่ต้องการใครเคียงข้าง ชอบลุยเดี่ยว ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงโดยไม่เคยคิดถึงวันพรุ่งนี้และไม่เกรงกลัวผู้ใด ราวกับว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ไปตลอดกาล
ใน Puss in Boots : the Last Wish พุซเจออุบัติเหตุที่ทำให้เขาตายตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่ก็ฟื้นมาอีกครั้งเพื่อที่จะได้รับฟังข่าวร้ายว่า ชีวิตที่เพิ่งตายไปนั้นเป็นชีวิตที่แปด และทันทีที่รู้ว่าพุซเหลือเพียงชีวิตสุดท้าย ความตาย (ที่ปรากฏกายในร่างหมาป่า) ผู้ที่จงเกลียดจงชังความโอหังและการไม่เห็นค่าของชีวิตของพุซมาโดยตลอด ก็ตามติดเขาในทุกย่างก้าว และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่พุซรู้สึกกลัวตาย
เมื่อวัยรุ่นส้มเกิดกลัวตายขึ้นมา ตำนานวีรบุรุษนอกขนบจึงต้องปิดตัวลง พุซพยายามหลบหลี้หนีหน้าความตายโดยจัดฉากการตายของตัวเอง และไปอาศัยอยู่ในบ้านรับเลี้ยงแมวจร ที่นั่นเขากลายเป็นเพียงแมวตกอับหมดสภาพ ไร้คราบของตำนานแมวส้มผู้ห้าวหาญ จนกระทั่งได้ยินข่าวว่ามีดาวตกปาฏิหาริย์ที่อธิษฐานสิ่งใดก็สมหวัง เขาจึงตั้งใจออกตามล่าหาดาวตกนั้นเพื่อขอแปดชีวิตที่หายไปเปล่าๆ นั้นคืนกลับมา
ทีมมิตรภาพ
“นายควรจะวางมือได้แล้วพุซ ไปอยู่กับคนที่ฝากผีฝากไข้ได้ ไม่มีเลยเหรอ” หมอผู้เป็นคนแจ้งข่าวร้ายให้พุซฟังว่าเขาเหลือเพียงแค่ชีวิตเดียว ให้คำแนะนำว่าเขาควรวางมือจากการผจญภัย แต่พุซไม่เชื่อฟังคำเตือนนั้น จนกระทั่งความตายปรากฏตัวให้เขาเห็นเป็นครั้งแรก พอพยายามจะขุดคุ้ยความทรงจำว่าในชีวิตที่ผ่านมาเขาพอจะมีใครที่ฝากผีฝากไข้ได้ ใครที่เป็นมิตรแท้ พุซกลับค้นเจอเพียงความสัมพันธ์ฉาบฉวยและมิตรภาพชั่วครั้งคราวของผู้คนที่เขาเคยได้พบเจอ
ในชีวิตที่ผ่านมา พุซไม่เคยมีคู่หู เขาลุยเดี่ยวมาตลอด แม้แต่ตอนที่ได้พบเจอแมวสาวพราวเสน่ห์ที่เขาตกหลุมรักอย่าง คิตตี ซอฟท์พาวส์ จนถึงขั้นตกลงปลงใจจะแต่งงานกัน สุดท้ายพุซก็ไม่ไปงานแต่งเพราะเขาทำใจสละชีวิตชายโสดผู้รักการผจญภัยไปไม่ได้ ในระหว่างที่หลบซ่อนตัวหนีความตายอยู่ในบ้านรับเลี้ยงแมวจร พุซก็ได้เจอกับ เปอร์ริโต หมาน้อยผู้มีความฝันว่าสักวันจะเป็นหมาบำบัดให้ได้ เปอร์ริโตพยายามเข้าหาพุซ แต่อัตตาอันสูงลิ่วของพุซที่เชื่อว่าเขาอยู่คนเดียวได้ ก็ทำให้พุซปฏิเสธมิตรไมตรีที่เปอร์ริโตหยิบยื่นให้อยู่เสมอ
เมื่อพุซผจญภัยออกตามล่าหาดวงดาว เจ้าเปอร์ริโตที่ไม่ได้อยากอธิษฐานอะไรเลยก็ยังตามติดพุซไปด้วย เพราะไม่ว่าอย่างไร เปอร์ริโตก็เชื่อสุดหัวใจไปแล้วว่าพุซคือเพื่อน ในระหว่างทางพุซยังได้เจอโจทก์เก่าอย่างคิตตีที่เขาเคยปล่อยให้เธอเป็นเจ้าสาวที่ไร้เจ้าบ่าว แต่แม้จะรู้ว่าตัวเองผิด อัตตาของพุซก็สูงเกินกว่าที่จะเอ่ยขอโทษกับคิตตี้ได้
อาจเป็นเพราะการเชื่อว่าเขาเกิดมาเพื่อลุยเดี่ยวนี่เองที่ทำให้ตลอดชีวิตที่ผ่านมา พุซไม่กล้าเปิดเผยความอ่อนแอให้ใครเห็น เขาไม่กล้าบอกใครว่าตำนานวีรบุรุษนอกคอกอย่างเขาเหลือเพียงชีวิตสุดท้าย และกลัวตายจนต้องมาตามหาดวงดาวเพื่อขอพร เขายังพยายามใช้เล่ห์เพทุบายตลบหลังคิตตี และยังทำเป็นว่ารำคาญความหวังดีของเปอร์ริโตตลอด ทว่าในช่วงเวลาที่ชีวิตดูจะมืดมนไร้ทางออกที่สุด การแสดงออกอย่างแข็งแกร่ง ดุดัน ไม่เกรงใจใคร อาจไม่ใช่ทางออก แต่คือการได้อ่อนแอโดยที่มีใครสักคนอยู่ข้าง ๆ
ระหว่างการผจญภัย พุซได้เห็นว่าเพื่อนทั้งสองยังเต็มใจที่จะหยิบยื่นมิตรภาพให้เขาอยู่เสมอไม่ว่าเขาจะทำตัวแย่สักเท่าไร พูดจาแย่ ๆ และปฏิเสธความหวังดีของเปอร์ริโตกี่ครั้ง เปอร์ริโตก็ยังบุกน้ำลุยไฟไปกับเขา เคยหักอกคิตตี้และทำเธอเสียใจจนเธอกลายเป็นคนที่ไม่กล้าไว้ใจใครอีกมาแล้วกี่หน คิตตี้ก็ยังให้โอกาสเขากลับตัวกลับใจอยู่เสมอ
พุซจึงได้รู้ว่าเขาไม่ได้ลุยเดี่ยวอีกต่อไป และทำใจยอมรับว่าเขาไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เขาพยายามแสดงออก เขาอ่อนแอเหลือเกินและต้องการใครสักคนรับฟัง เขาระบายความรู้สึกผิดที่เคยหนีงานแต่งให้เปอร์ริโตฟัง ยอมรับคำปรึกษาจากเจ้าหมาจนกล้าเอ่ยคำขอโทษต่อคิตตี้ และยังกล้าแม้กระทั่งบอกกับทั้งคู่ว่าเขาเหลือชีวิตสุดท้ายและกลัวตายจริง ๆ
“ทีมมิตรภาพ” ชื่อกลุ่มเห่ย ๆ ที่ตั้งโดยเปอร์ริโตจึงกำเนิดขึ้น และกลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับพุซที่ได้เรียนรู้แล้วว่าเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อเผชิญโลกเพียงลำพัง
ปาฏิหาริย์ที่ไม่จำเป็นต้องอธิษฐานจากดวงดาว
ไม่ได้มีพุซเท่านั้นที่ออกตามหาดวงดาว แต่ที่เขาได้เจอคิตตีในระหว่างการผจญภัยเป็นเพราะคิตตีเองก็มีเรื่องที่อยากอธิษฐานเหมือนกัน เธอเป็นโจรสาวพราวเสน่ห์ ชีวิตของเธอจึงไม่เอื้ออำนวยให้เธอเจอใครที่เธอไว้ใจได้เลยสักครั้ง หนำซ้ำยังเคยถูกพุซหักอก สิ่งที่คิตตีจะอธิษฐานขอพรกับดวงดาว จึงเป็นการได้มีใครสักคนที่เธอวางใจได้
นอกจากพุซและคิตตีแล้ว ยังมีครอบครัวโกลดิล็อกส์กับหมีสามตัวที่ออกตามหาดวงดาว โกลดิล็อกส์คือเด็กหญิงที่แอบเข้าไปในบ้านของครอบครัวหมี ขโมยกินข้าวโอ๊ต และแอบงีบหลับบนเตียงของพวกเขา แต่แทนที่จะไล่เธอไป แม่หมีและพ่อหมีก็ตัดสินใจรับเลี้ยงเธอไว้ และยังให้ความรักและความอบอุ่นกับเธออย่างที่ครอบครัวพึงมี แต่โกลดิล็อกส์ก็ยังคงตั้งใจแสวงหาครอบครัวที่แท้จริงของเธอเสมอมา การออกตามหาดาวครั้งนี้ เธอจึงหลอกเหล่าหมีว่า เธอจะอธิษฐานขอพรให้พวกเขาร่ำรวย ในขณะที่ความจริงแล้วเธอตั้งใจจะขอพรให้เธอได้เจอกับครอบครัวที่แท้จริง
หากจะมีปาฏิหาริย์ใดที่ดวงดาวให้ได้โดยไม่ต้องขอ ก็คือการมอบโอกาสให้พวกเขาเผชิญความกลัวหรือเห็นแง่งามในชีวิตที่พวกเขามองข้าม ด้วยแผนที่วิเศษที่จะเปลี่ยนเส้นทางไปตามผู้ที่ถือแผนที่ เมื่อพุซผู้อยากเป็นตำนานและไม่ยอมรับสัจธรรมของชีวิตว่าทุกคนต้องตายเป็นคนถือแผนที่ เส้นทางไปสู่ดวงดาวจะกลายเป็นด่านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับความตายและการถูกลืมเลือน เมื่อคิตตีผู้มีปัญหาด้านการไว้ใจคนอื่นถือแผนที่ เส้นทางจะเปลี่ยนเป็นอุปสรรคที่เกี่ยวกับความโดดเดี่ยวและการหลอกลวง เมื่อโกลดิล็อกส์ถือแผนที่ เส้นทางกลับเปลี่ยนเป็นบ้านน้อยแสนสุขกลางป่า บ้านที่เธอเคยใช้ชีวิตร่วมกับพ่อหมี แม่หมี และลูกหมี ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวมาตั้งแต่เล็กจนโต
“แม่กลัวมาตลอดว่าหนูคิดว่าเราเป็นครอบครัวที่แท้จริงของหนูไหม แต่ถ้านี่คือสิ่งที่จะทำให้หนูมีความสุข เราก็จะไปเอามันมาให้หนู” แม่หมีบอกโกลดิล็อกส์ตอนที่เธอรู้ความจริงว่าโกลดิล็อกส์อยากอธิษฐานขอครอบครัวที่แท้จริง แม้จะเสียใจ แต่ครอบครัวหมีก็ยังพร้อมจะช่วยให้ความฝันของโกลดิล็อกส์เป็นจริง เพราะอย่างไรเสีย เธอก็เป็นครอบครัวที่แท้จริงของพวกเขา ไม่ว่าเธอจะมองพวกเขาเป็นครอบครัวหรือไม่ก็ตาม
ในระหว่างการผจญภัยและฝ่าฟันอุปสรรคไปกับผองเพื่อน พุซรู้แล้วว่าชีวิตไม่ได้ต้องการความเป็นอมตะหรือการถูกจดจำโดยคนอื่น ๆ เขาเพียงต้องการ “ทีมมิตรภาพ” อยู่กับเขา เป็นใครสักคนที่เขาจะ “ฝากผีฝากไข้” ได้ตามที่แพทย์แนะนำ และได้ดำรงอยู่อย่างมีความหมายในชีวิตสุดท้ายนี้ ส่วนคิตตีก็ไม่จำเป็นต้องอธิษฐานให้ฝันเป็นจริงแล้ว เมื่อใครสักคนที่เธอจะไว้วางใจได้คือแมวที่เคยหักอกเธอ กับหมาที่อยากเป็นหมาบำบัดผู้ร่วมเดินทางข้างเคียงเธอมาตั้งแต่ต้น
ชีวิตเดียวก็มากพอ
หากความเชื่อที่ว่า “สามชีวิตแรกคือการเล่น สามชีวิตถัดมาคือการพเนจร และสามชีวิตสุดท้ายคือการดำรงอยู่” เป็นความจริงของแมวตัวอื่น ๆ พุซก็อาจจะถือว่าเป็นแมวที่เรียนรู้ช้าไปสักหน่อย กว่าที่เขาจะรู้ว่าเพียงแค่ดำรงอยู่โดยไม่ต้องสร้างตำนานเลยก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตมีความหมายน้อยลง ก็ปาไปจนชีวิตสุดท้ายแล้ว แต่ก็เป็นชีวิตสุดท้ายที่เขาได้เรียนรู้อะไรมากมายยิ่งกว่าแปดชีวิตที่ผ่านมารวมกันเสียอีก
แม้จะมีชีวิตที่ผ่านความเจ็บช้ำมามากมายจากเจ้านายที่ไม่เคยมอบความรักให้มันเลย แต่เจ้าหมาเปอร์ริโตก็เป็นเพียงคนเดียวที่พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่และเห็นคุณค่าของทุกสิ่งที่ชีวิตหยิบยื่นให้ เมื่อมันจับแผนที่ เส้นทางไปสู่ดวงดาวจึงเปลี่ยนเป็นเส้นทางแสนงดงามที่มีดอกไม้ริมทาง เปอร์ริโตแวะสูดดมชมความงดงามเหล่านั้นและผ่านไปได้ง่าย ๆ แต่ดอกไม้แสนสวยกลับเล่นงานพุซและคิตตีที่พยายามเล่นงานพวกมันก่อน
“ชีวิตเดียวก็มากพอแล้ว” เปอร์ริโตบอกพุซเมื่อเขาเล่าเรื่องชีวิตสุดท้ายให้ฟัง
ดอกไม้ก็คงเหมือนชีวิต หากมองว่ามันเป็นศัตรูและโหดร้าย มันก็จะเป็นศัตรูและโหดร้าย แต่หากมองว่ามันคือสิ่งสวยงามที่ควรค่าแก่การหยุดเชยชม มันก็จะเป็นสิ่งสวยงามสำหรับเรา การเดินทางกับคิตตีและเปอร์ริโต การได้แวะชื่นชมดอกไม้ข้างทางที่เขาเคยมองข้าม ทำให้พุซรู้ว่าเพียงชีวิตเดียวก็คุ้มค่าแล้ว ต่อให้เขาไม่ได้เป็นตำนานของใคร แต่เขาก็ยังจะมีตัวตนต่อในใจของหมากับแมวคู่หนึ่ง ในฐานะเพื่อน และในฐานะชายอันเป็นที่รัก
“อย่างไรเราก็ต้องเจอกันใหม่สักวันหนึ่ง” ความตายบอกกับพุซหลังจากตัดสินใจจะเลิกไล่ล่าพุซเมื่อเห็นว่าเขากล้าเผชิญหน้ากับตน และครั้งนี้พุซน้อมรับคำเตือนนั้นด้วยความเข้าใจ
นี่คือชีวิตสุดท้ายที่พุซรู้แน่แก่ใจว่าเขาจะใช้มันอย่างคุ้มค่า มันคือชีวิตที่เขาได้จริงใจกับความรู้สึกตัวเอง ได้สัมผัสความหวาดกลัว ได้เปิดเผยความอ่อนแอ ได้ยอมรับว่าสักวันหนึ่งเราก็ต้องตาย แต่ก็ได้เข้าใจอีกเช่นกันว่าหากได้ดำรงอยู่อย่างมีความหมาย ชีวิตเดียวก็มากพอให้ไม่ต้องเสียดายเมื่อความตายมาเยือนแล้ว
Writer
ปัญญาพร แจ่มวุฒิปรีชา
อย่ารู้จักเราเลย รู้จักแมวเราดีกว่า