Drifting Home : ความหมายของคำว่า “บ้าน” ผ่านการเติบโตจวบจนลาจาก
Drifting Home : ความหมายของคำว่า “บ้าน” ผ่านการเติบโตจวบจนลาจาก
- “บ้าน” คือที่อยู่อาศัยที่กักเก็บ ทั้งความสุข ความทุข์ และความทรงจำ ต่าง ๆ ของคนทุกคนเอาไว้
- เรียนรู้การปล่อยวางอดีตเพื่อที่จะได้ก้าวเดินต่อไปยังปัจจุบันและอนาคต ที่รอคอยเราอยู่ได้
- “บ้านล่องลอย” แอนิเมชัน coming of age อบอุ่นหัวใจที่จะทำให้เราเข้าใจ และพร้อมยอมรับชีวิตที่ต้องเติบโต แม้ต้องปล่อยบางสิ่งให้หลุดลอยไป
เรื่องย่อ
เรื่องราวเริ่มต้นจากกลุ่มผองเพื่อนรุ่นเยาว์ที่พลัดหลงเข้ามายังอาคารแฟลตเก่าที่กำลังจะถูกทุบทิ้ง แต่กลายเป็นว่าทะลุมายังอีกมิติที่แฟลตเก่าแห่งนี้ มาลอยอยู่กลางมหาสมุทร
พร้อมบอกเล่าเรื่องราวมิตรภาพ คราบน้ำตา ความทรงจำของกลุ่มเพื่อนที่กำลังค้นหาหนทางเพื่อกลับบ้าน
บ้าน ล้านความหมาย ล้านความรู้สึก
‘บ้าน’ คำสั้น ๆ แต่แฝงไปด้วยหลายความหมาย บางคนเมื่อได้ยินคำ ๆ นี้อาจจะนึกถึงที่อยู่อาศัย บางคนอาจจะนึกถึงความอบอุ่นจากคนในบ้านที่อยู่ด้วยกัน ทุกสิ่งที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นต่างก็เต็มไปด้วย ความทรงจำ ความผูกผัน และความรู้สึกที่เอ่อล้น ไปตามประสบการณ์ของแต่ละคน หนึ่งในนั้นคงจะหนีไม่พ้น ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบ ๆ ตัวของเรานับเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เรายังคอยโอบอุ้มอดีตและความทรงจำเหล่านี้เอาไว้แม้วันเวลาจะผ่านไปนานจนบ้านหลังเดิมแห่งนี้ได้เปลี่ยนแปลงไป
แต่กับเหล่าเด็กน้อยทุกคนที่หลงมายังตึกเก่าแห่งนี้ต่างมีนิยามคำว่า ‘บ้าน’ แตกต่างกัน และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองตามสิ่งที่พบเจอ ซึ่งในบ้านหลังนั้นของใครบางคน อาจจะมีความสุขที่สุด แต่กับอีกหลังอาจจะเต็มไปด้วยความทุกข์ อย่างตัวละครเอก โคสุเกะ เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงิน และนัตสึเมะ เพื่อนหญิงสมัยเด็ก ต่างก็เติบโตขึ้นมา
ในแฟลตคาโมโนมิยะหลังนี้ที่มีอายุกว่า 60 ปี ซึ่งกำลังจะพังทลายหายไปตามกาลเวลา
ทั้งสองคนต่างก็มีความทรงจำกับสถานที่แห่งนี้ร่วมกันมากมาย แต่ในตอนนี้ทั้งสองคน ต่างมีบางสิ่งที่ต่างกันไป เพราะ ตัวของโคสุเกะสามารถเติบโตไปได้โดยไม่ยึดติดอยู่กับแฟลตแห่งนี้เหมือนกับ นัตสึเมะ เพราะเธอยังคงยึดติดอยู่เนื่องจากบาดแผลในวัยเด็กที่ยังฝังลึกเรื่องการแยกทางของพ่อแม่ แต่หลังที่เธอย้ายเข้าอยู่ในแฟลตนี้ เธอได้รับความอบอุ่นจากปู่ของโคสุเกะเข้ามาโอบรับในช่วงเวลาที่อ่อนแอ ทำให้สำหรับเธอ ตึกแห่งนี้เปรียบเสมือนที่พักพิงที่ไม่อยากให้เลือนหายไป
ทว่าปัจจุบัน อาคารแต่ละหลังกำลังผุกร่อนแล้วพังทลายลง พร้อมที่จะจมหายลงไปยังก้นมหาสมุทร
คนทุกคนล้วนพบเจอแล้วลาจาก แต่สายสัมพันธ์จะคงอยู่ไปตลอดหรือเปล่า ?
ผู้ใหญ่ในวันนี้ ทุกคนต่างก็เคยเป็น ‘เด็ก’ ที่อาศัยอยู่บ้านสักหลังในช่วงเวลาหนึ่ง มีความหลังมากมายไม่ว่าจะเรื่องเลวร้ายไปถึงเรื่องดี ทุกคนล้วนต้องเติบใหญ่
ก้าวออกจากบ้านหลังเดิม เพื่อไปใช้ชีวิตใหม่ในบ้านอีกหลัง ‘บางครั้งการจะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า อาจหมายถึงการทิ้งบางสิ่งเอาไว้ข้างหลัง’ เป็นประโยคสะท้อนการเติบโตของคนเราที่ต้องพบเจอการจากลาที่ถือเป็นเรื่องธรรมดาซึ่งไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แม้ใจจริงคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
‘แฟลตแห่งนี้กำลังจะหายไป ทุกอย่างพังทลายลงอีกครั้ง ยิ่งคิดว่าเกลียดการบอกลามากแค่ไหน ฉันก็ยิ่งทำใจไม่ได้’
ประโยคที่นัตสึเมะ โทชิพูด เป็นภาพสะท้อนความผูกพันที่ไม่อาจปล่อยไป ทำให้เธอจมอยู่กับความทุกข์ระทม แต่การยอมปล่อยมือจากบางสิ่งที่เราผูกพันอาจเป็นหนทางหนึ่งของการเติบโต แม้นั่นจะทำให้เรารู้สึกผิด แต่ก็เป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้และยอมรับความรู้สึกของการจากลา
‘ก็เพราะเธอขังตัวเองอยู่ที่นี่ไงละ ยังไงซะฉันก็เกลียดไอ้แฟลตซอมซ่อนี่ เห็นแล้วนึกถึงตอนเธอแอบไปร้องไห้แล้วฉันแกล้งทำเป็นไม่เห็นมันทำให้ฉันอยากจะชกหน้าตัวเองซะ’
‘แต่เราต้องทิ้งมันไปแล้ว ไม่งั้นเราจะไม่ได้กลับไปด้วยกัน’
โคสุเกะ คุมากาอิ กล่าวกับนัตสึเมะ เพราะสำหรับโคสุเกะแล้ว แฟลตแห่งนี้ เป็นเพียงอาคารหลังหนึ่งที่ไม่ได้สำคัญเท่ากับนัตสึเมะผู้สร้างความทรงจำวัยเด็กร่วมกันมา
ในบางครั้งการจะก้าวเดินต่อ เราจำเป็นต้องกล้าตัดสินใจและยอมรับความรู้สึกที่ทำใจยอมรับได้ยาก เพื่อให้เราได้รู้จักการเปลี่ยนแปลงและเรียนรู้การเติบโต การละทิ้งอดีตที่ไม่อาจจะหวนคืนก็เป็นสิ่งจำเป็นกว่าการปล่อยให้ปัจจุบันที่อยู่ตรงหน้าต้องเลือนหายไป
Writer
ณัฐนันท์ วิจิตรบุญชูวงศ์
ถ่ายภาพ ชอบดูหนัง ไปนอน และหาของอร่อย
illustrator
กรกนก สุเทศ
เด็กกราฟิกที่สนุกกับการอ่านการ์ตูน ดูเมะ ชอบเล่าเรื่องและจำสิ่งต่าง ๆ ด้วยภาพมากกว่าตัวอักษร มองว่าหนึ่งในการเรียนรู้ที่ดีคือการเรียนรู้ผ่านสี รูปภาพ รูปทรง