ชิ้นเดียวในโลก ชวนอ่านเรื่องราวความสัมพันธ์ของ ‘ฉัน’ — ‘สิ่งของ’ ความผูกพันที่มากกว่าการใช้สอย แต่คือส่วนหนึ่งของชีวิตและตัวตน 

ชิ้นเดียวในโลก ชวนอ่านเรื่องราวความสัมพันธ์ของ ‘ฉัน’ — ‘สิ่งของ’ ความผูกพันที่มากกว่าการใช้สอย แต่คือส่วนหนึ่งของชีวิตและตัวตน 

…ตุ๊กตาตัวโปรด เสื้อตัวเก่ง สร้อยเส้นเก่า แก้วใบนั้น ผ้าห่มผืนนี้ หมอนใบเดิม สมุดเล่มหม่น… 

เคยมีสิ่งของสักชิ้นที่เราพกหรืออยากมีมันอยู่ในชีวิตตลอดไหม บางอย่างมีอยู่แล้วรู้สึกสบายใจ ปลอดภัย ไม่โดดเดี่ยว บางอย่างมีไว้แล้วรู้สึกดี มั่นใจ บางชิ้นมีไว้เพื่อรู้สึกถึงใครบางคน และไม่ว่าสิ่งของนั้นๆ จะถูกทำซ้ำอีกสักกี่ครั้งก็ไม่เท่าชิ้นนี้ กลิ่นนี้ สีนี้ แบบนี้ชิ้นเดียวเท่านั้นที่เราผูกพันและรู้สึกแบบนี้ด้วย 

การศึกษาทางจิตวิทยาและมานุษยวิทยาบอกว่าสิ่งของบางอย่างเติมเต็มความต้องการทางอารมณ์ได้ และไม่เพียงเท่านั้นเราอาจเห็นสิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนส่วนขยายของตัวตน เป็นแก่นแกนที่แทรกซึมอยู่ในตัวเรา เมื่อมันสูญหายไปเราจึงรู้สึกถึงความสูญเสียบางอย่างด้วย นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ปลอบประโลมใจจากรูปแบบความผูกพันที่ไม่มั่นคงที่ได้ประสบพบเจอมาในชีวิต อีกทั้งยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับการสร้างสิ่งของให้เป็นเหมือนมนุษย์ อย่างที่หลายคนเคยตั้งชื่อให้กับสิ่งของชิ้นโปรดหรือพูดคุยกับมันเหมือนเป็นมนุษย์เช่นกัน เพราะโดยพื้นฐานแล้ว ผู้คนจำเป็นต้องมีการเชื่อมโยงถึงคน และต้องหาทางที่จะเติมเต็มความต้องการนี้ แม้ว่าจะไม่มีคนอยู่จริง

มนุษย์และสิ่งของดูจะเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันมาก แต่กลับมีเรื่องราวต่อกันในหลากหลายด้าน ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสิ่งของจึงบอกกล่าวเรื่องราวที่ลึกซึ้งลงไปข้างในของคนเราได้ บทความนี้อยากชวนอ่านเรื่องราวความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่าง ‘คน’ กับ ‘สิ่งของ’ ที่พวกเขาจะต้องพกตลอด แขวนไว้ในห้อง กอดก่อนนอน วางไว้บนหัวเตียง และบางชิ้นมีชีวิตอยู่กับพวกเขามาตั้งแต่จำความได้


1

‘พี่นก’ ของเจเจ

เจเจ (นามสมมติ): มีสิ่งหนึ่งที่พกติกตัวตลอดคือ ‘ตุ๊กตานกเพนกวิน’ ชื่อว่า ‘พี่นก’ เป็นของขวัญที่ได้จากแม่ จำไม่ได้ว่าทำไมถึงเลือกตัวนี้เพราะตอนเด็กๆ ที่บ้านมีตุ๊กตาเยอะมาก แต่เราเลือกหยิบมากอดมานอนด้วยทุกคืน ตั้งแต่จำความได้ก็มีพี่นกอยู่ข้างๆ ตลอดแล้ว อยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิดจนทำงานแล้วก็ยังนอนกอดทุกวัน ติดมากๆ และรักมากๆ ไม่มีอะไรมาทดแทนได้ สภาพพี่นกคือเปื่อยยุ่ยตามวันเวลา จนพ่อกับแม่ถึงขั้นเสนอว่าให้หานกเพนกวินตัวใหม่มานอนกอดไหม พี่นกจะไม่ไหวแล้ว แต่เราก็ปฏิเสธเพราะพี่นกมีคุณค่าทางจิตใจมาก ไม่มีอะไรมาแทนพี่นกได้ ถึงจะหาตุ๊กตาตัวอื่นที่คล้ายพี่นกมากแค่ไหน สุดท้ายก็ไม่ใช่พี่นกอยู่ดี พี่นกอยู่ด้วยกันทุกช่วงเวลาจริงๆ เวลาเหงา ท้อ เสียใจ พูดกับใครไม่ได้ก็ชอบระบายให้พี่นกฟัง ทำทุกอย่างเหมือนพี่นกมีชีวิต เรื่องที่เล่าให้ใครฟังไม่ได้แม้แต่คนในครอบครัว เราก็ยังมีพี่นกรับฟัง เหมือนพี่นกเป็นที่พึ่งทางจิตใจและฮีลใจเวลาเหนื่อยได้ดีมากๆ หรือแม้กระทั่งตอนเรามีความสุข เราก็แชร์เรื่องราวให้พี่นกฟังตลอด เป็นตุ๊กตาตัวโปรดที่อยู่ด้วยกันทุกช่วงเวลา เพื่อนๆ รอบข้างรู้จักพี่นกทุกคน พี่นกคือ Comfort Zone ที่ดีที่สุด 

2

‘Vicks’ ของอิ้อิ้  

อิ้อิ้ (นามสมมติ): ตอนเด็กๆ ไม่สบายบ่อยมาก ชอบคัดจมูกมีน้ำมูก ที่บ้านก็เลยจะให้ทาวิกก่อนนอน ทาที่จมูกและหน้าอกให้หายใจสะดวก ตั้งแต่นั้นมาก็ติดวิก ทาก่อนนอนทุกคืนมาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้ เพราะรู้สึกว่ากลิ่นมันทำให้นอนหลับสบาย ทาทุกคืนจนเคยคิดว่ามันจะส่งผลเสียต่อร่างกายไหมนะ (หัวเราะ) เวลาขึ้นเครื่องบิน นั่งรถ หรือเดินทางไปไหนไกลๆ ก็ต้องพกไปด้วย ไปต่างประเทศก็ต้องทาก่อนนอน เหมือนเป็นกลิ่นที่คุ้นเคย ถ้าครั้งไหนไม่ได้พกไปด้วยก็จะรู้สึกกระวนกระวายนิดหน่อย ต้องหาทางซื้อมาทาให้ได้ แต่มันจะมีบางคืนที่ไม่มีจริงๆ ก็ต้องใช้เวลานิดหนึ่งกว่าจะนอนหลับเลยรู้สึกผูกพันกับของสิ่งนี้มากๆ 

3

‘คุณหมีสีม่วง’ ของแป้งร่ำ

แป้งร่ำ: ตุ๊กตาหมีสีม่วงได้มาตอนอายุประมาณ 10 ขวบที่ร้านตุ๊กตา ในกองตุ๊กตากองนั้นจำได้ว่าเป็นกองตุ๊กตาหมีแบบเดียวกันทั้งหมด โดยทุกตัวเป็นสีน้ำตาล แต่มีอยู่ตัวหนึ่งที่เป็นสีม่วง ความรู้สึกตอนเด็กคือกลัวน้องไม่มีเพื่อนเลยเลือกซื้อตัวนั้นมา จากวันนั้นก็ 19 ปีแล้วที่อยู่กับมันมาจนตอนนี้สีซีดไปหมด แต่ความลับคือก้นหมีมันมีพลังวิเศษ พอดมปั๊บ ทุกครั้งที่กังวลกลัวจนไม่กล้านอนหลับ ก็จะหลับง่ายอย่างประหลาด

4

‘ตุ๊กตาข้างเตียง’ ของ Happy Chachanky

 

Happy (นามสมมติ): มีของชิ้นหนึ่งที่เราอยากเล่า คือตุ๊กตาที่น้องกดได้จากตู้กดตุ๊กตา ตอนกลับบ้านช่วงปีใหม่เมื่อ 2 ปีก่อนเราพาน้องไปเลี้ยงข้าวที่ห้างเพราะนานๆ ทีจะกลับบ้านแล้วได้มีโอกาสเจอน้อง พอเรากินข้าวกันเสร็จก็เดินเล่นกับน้องต่อ ไปถ่ายรูปในตู้ถ่ายรูป แล้วน้องก็บอกว่าอยากกดตุ๊กตา เราก็ไปกดกัน กดตัวแรกไม่ได้ น้องก็ไม่ยอมเลิก จะกดให้ได้ แล้วไม่ยอมขอเงินด้วย สุดท้ายกดได้ตุ๊กตาสีเขียวตัวนึง น้องก็เอาให้เรา บอกว่าดีใจที่กดได้ เรารู้สึกรับรู้ได้ว่านี่คือความภูมิใจเล็กๆ ของน้อง เพราะน้องมักจะรู้สึกว่าไม่เคยทำอะไรสำเร็จ เรียนก็ไม่จบ ทำให้คนที่บ้านเสียใจอะไรทำนองนี้ แต่การที่เขากดตุ๊กตาได้แล้วให้เรา คงทำให้น้องรู้สึกได้เป็นผู้ให้บ้างหรือรู้สึกว่าอย่างน้อยก็มีสิ่งที่ตัวเองทำได้สำเร็จ ก็เลยเก็บตุ๊กตาตัวนั้นกลับมากรุงเทพด้วย เป็นตัวเเทนของน้องห้อยไว้ข้างเตียงตลอด

เรื่องเล่า ‘ฉัน’ — ‘สิ่งของ’ จากแต่ละคนชวนให้เราได้เห็นว่าการสร้างความผูกพันบางอย่างขึ้นมากับสิ่งของชิ้นหนึ่งๆ นั้นมีความหมายอย่างไรกับชีวิตที่แตกต่างออกไปของแต่ละคน บางครั้งในวันที่เรามองไปไม่พบใคร ก็อาจมีสิ่งของบางชิ้นทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นได้จากความหนักหนาภายในใจ อาจทำให้รู้สึกเชื่อมโยงถึงใครบางคนที่รักได้ในวันที่ไม่ได้เจอกัน อาจเป็นพื้นที่บอกกล่าวความคิดตัวตน  ไปจนถึงทำงานเยียวยาความผิดหวัง ความเสียใจ ความเปล่าเปลี่ยวในหัวใจของเราอยู่ สิ่งของเหล่านั้นจึงกลายเป็นสิ่งของชิ้นเดียวในโลกสำหรับใครบางคน ซุกซ่อนความหมายและมีวิธีใช้งาน วิธีเก็บรักษาอย่างเฉพาะเจาะจงสำหรับพวกเขาและเธอ 

แล้วคุณล่ะ มีสิ่งของชิ้นเดียวในโลกใบนั้นของคุณไหม? 

อ้างอิง

https://www.scientificamerican.com/article/why-we-become-so-attached-to-our-belongings/

Writer
Avatar photo
ศิรินญา สุวรรณโค

มีฝีมือในการทำอาหารประเภทยำ และอยู่อย่างมีความหวังเสมอ ในวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน

illustrator
Avatar photo
พรภวิษย์ เพ็งเอียด

ชอบกินเนื้อต้มและตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือให้ได้ปีละสามเล่ม

Related Posts

Related Posts