Black Swan วงกตของความหลงใหลที่ไร้ทางออก
Black Swan วงกตของความหลงใหลที่ไร้ทางออก
- ความหลงใหลบางครั้งเป็นเรื่องที่ดี แต่หากเราทุ่มเทเพื่อความหลงใหลจนเกินกำลัง บางครั้งก็อาจเป็นสิ่งที่กัดกินตัวเรา
- นิน่า เซเยอร์ส เป็นนักบัลเลต์ผู้ทะเยอทะยานที่จะไปให้ถึงการแสดงอันสมบูรณ์แบบในอาชีพของเธอ
- นิน่าผู้ได้รับความรักอย่างกระพร่องกระแพร่งจากแม่พยายามอย่างหนักเพื่อการแสดง จนท้ายที่สุดความหลงใหลก็ได้ทำร้ายตัวเธอเอง
นิน่า เซเยอร์ส เป็นนักบัลเลต์ผู้ทะเยอทะยานและอยากประสบความสำเร็จในสิ่งที่เธอรัก ฤดูกาลหน้า โรงละครจะเปิดการแสดงด้วยเรื่อง Swan Lake ละครชื่อดังที่มีบทนำอย่าง Swan Queen ซึ่งจะใช้นักแสดงคนเดียวกันแสดงเป็น 2 ตัวละครคือ White Swan หรือหงส์ขาว ตัวแทนของความบริสุทธิ์ และตัวร้ายอย่าง Black Swan หรือหงส์ดำ ตัวแทนของความมืดมิดในจิตใจมนุษย์ นักบัลเลต์ทุกคนต่างแย่งชิงและวาดฝันว่าจะได้รับเลือกให้แสดงในบทนี้ นิน่าก็เป็นหนึ่งในนั้น
ความจริงเธอแทบไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองเลยว่าเธอเหมาะกับการรับบทหงส์ขาว เธอมีหน้าตาสะสวย ภาพลักษณ์เปราะบางและแสนบริสุทธิ์ แต่โทมัส รีลอย ผู้อำนวยการโรงละครบัลเลต์ที่เธอสังกัดอยู่ไม่ได้ต้องการเพียงแค่ผู้รับบทหงส์ขาว เขาต้องการคนที่เป็นได้ทั้งสองอย่างซึ่งนิน่ายังเป็นให้เขาไม่ได้
“เวลาฉันมองเธอ ฉันเห็นแต่หงส์ขาว ใช่ เธอสวย หวาดหวั่น อ่อนไหว เป็นนักแสดงในฝัน แต่หงส์ดำล่ะ มันโคตรยากเลยนะที่จะเต้นให้ได้ทั้งสองบท”
“ฉันเป็นหงส์ดำได้เหมือนกัน”
“จริงเหรอ สี่ปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เธอเต้น ฉันเห็นเธอเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการเคลื่อนไหวให้เป๊ะทุกท่า แต่ฉันไม่เคยเห็นเธอปลดปล่อยตัวเองเลย ไม่เคยเลย ระเบียบวินัยพวกนั้นน่ะมีไว้ทำไม”
“ฉันแค่อยากสมบูรณ์แบบ”
บทสนทนาของโทมัสกับนิน่าขณะที่เธออ้อนวอนขอให้เขาเลือกเธอเป็นนักแสดงนำ บทสนทนาเปิดทางสู่การล่วงละเมิด นิน่าถูกจู่โจมด้วยจูบ ภายใต้ข้ออ้างว่า เขาจะทำให้เธอรู้จักการปลดปล่อยตัวเองเพื่อให้ได้การแสดงที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง เมื่อถูกดึงเข้าสู่เขตแดนที่ไม่เคยก้าวล่วง นิน่าเริ่มทลายกรอบของตัวเองอย่างเร่งร้อน สิ่งที่เธอรักกลายเป็นก้อนความกดดันและวิตกกังวล สิ่งซึ่งเธอแบกไว้บนบ่า เพราะนอกจากนิน่าแล้ว ยังมีนักเต้นพราวเสน่ห์อีกคนอย่างลิลี่ที่ไม่ได้เป็นคนที่มีวินัยแบบนิน่า การเต้นของเธออาจไม่สมบูรณ์แบบเสียทั้งหมด แต่บุคลิกเซ็กซี่ ร่าเริง ยั่วยวนใจของลิลี่กลับทำให้เธอดูเหมาะเจาะกับบทหงส์ดำที่นิน่าในตอนนั้นไม่มีทางจะเป็นได้ ลิลี่มักเป็นคนที่โทมัสจะหยิบขึ้นมาเปรียบเทียบกับนิน่าและใช้กดดันเธอเสมอ จนนิน่ามองว่าลิลี่คือคู่แข่งคนสำคัญของเธอ ผู้ที่พยายามฉกฉวยโอกาสครั้งสำคัญ
เมื่อการปลดปล่อยกลายเป็นการกักขัง
นิน่าในวัย 28 เติบโตมาในอพาร์ตเม้นต์แคบ ๆ กับแม่ อีริก้า อดีตนักบัลเลต์ที่ต้องยอมทิ้งความฝันเมื่อรู้ว่าตั้งท้องลูกสาว เพื่อทุ่มเทชีวิตให้กับบทบาทการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว
สำหรับอีริก้า นิน่าจึงเป็นทุกสิ่งของเธอ เป็นลูกสาวและครอบครัวหนึ่งเดียวที่เธอมี เป็นภาพฝันแสนสวยที่วาดไว้ และเป็นตัวแทนนักบัลเลต์ที่ประสบความสำเร็จที่เธอเองเป็นไม่ได้
ด้วยเหตุนี้อีริก้าจึงเลี้ยงลูกอย่างไข่ในหิน นิน่าที่อายุ 28 ปียังคงมีตุ๊กตามากมายเป็นเพื่อนนอนร่วมเตียง และไม่เคยมีอิสระหรือพื้นที่ส่วนตัวแม้แต่ในห้องนอน ซึ่งอีริก้าสามารถเข้าออกได้ตามใจ
“เวลาโตขึ้นก็จะมีความกดดันแบบนี้ แม่เข้าใจดีว่ามันเป็นยังไง แต่ลูกจะไม่เป็นไรไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะยังไงลูกก็ยังเปล่งประกายอยู่ดี”
อีริก้าที่เฝ้ามองลูกสาวทุ่มเทให้กับการเตรียมตัวสำหรับบท Swan Queen ปลอบประโลมนิน่าเมื่อเห็นว่าเธอดูเครียดกว่าที่เคย ในแง่หนึ่งอีริก้าก็เป็นแม่ที่รักและห่วงใยลูก แต่อีกแง่ เธอก็เป็นแม่ที่ทะนุถนอมลูกจนเกินไป และผูกความคาดหวังของตัวเองไว้เป็นโซ่ล่ามนิน่าไม่ให้มีอิสระด้านอื่นมาโดยตลอด ดังนั้น แค่คำปลอบโยนจากแม่จึงยังไม่พอ ในเมื่อชีวิตของนิน่ามีเพียงบัลเลต์ จุดหมายของเธอคือบัลเลต์ และหากไม่ทุ่มเททุกอย่างไปกับบัลเลต์ เธอก็ไม่รู้เลยว่าชีวิตมีจุดมุ่งหมายอะไร ยิ่งไปกว่านั้น นิน่ายังมองว่าแม่คือตัวการที่ทำให้เธอไม่สามารถ “ปลดปล่อยตัวเอง” ได้ตามที่โทมัสบอกได้
ในความเชื่อของนิน่า การจะเข้าถึงบทหงส์ดำ เธอต้องเปลี่ยนตัวเองให้เซ็กซี่ ยั่วยวน มีเสน่ห์เร้าใจแบบลิลี่ นั่นรวมถึงการปฏิเสธคำสั่งของแม่ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อนเพื่อออกไปปลดปล่อยตัวตนในยามค่ำคืนกับลิลี่ หวังหาประสบการณ์ทางเพศเพราะเชื่อไปว่า นั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของการปล่อยตัวปล่อยใจแบบที่โทมัสต้องการ และการทุ่มเททำสิ่งที่รักจนเกินขีดจำกัดก็ทำให้นิน่าหลงทางอยู่ระหว่างความจริงกับความฝัน เธอเริ่มมีอาการทางจิตและทำร้ายตัวเองรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ความพยายามที่จะปลดปล่อยตัวเองกลับกลายเป็นจั่นที่เธอเข้าไปติดโดยไม่มีทางออก
ความรักอันกระพร่องกระแพร่งและความหลงใหลที่กลายเป็นความหมกมุ่น
ในขณะที่ลูกสาววิ่งวนในวงกตความหลงใหลใฝ่ฝัน อีริก้าที่น้อยอกน้อยใจเมื่อเห็นว่าลูกไม่ยอมอยู่ใต้การควบคุมอีกต่อไป ก็ไม่ได้พยายามเป็นหลักยึดที่แม่นมั่นให้กับลูก ไม่ได้คอยประคับประคองให้ลูกค่อย ๆ เติบโตและออกไปจากอ้อมอกของแม่อย่างเข้มแข็ง เธอกลับแสร้งทำเป็นไม่สนใจนิน่าเพื่อประชดประชันในบางวัน แต่อีกวันเธอก็กลับทนไม่ได้และเข้าควบคุมบงการชีวิตลูกอีกครั้งในนามของความหวังดี
ความรักจากแม่ที่ไร้ซึ่งความสม่ำเสมอและมั่นคง การรีบเร่งที่จะเติบโต ความวิตกจริตเพราะกลัวจะโดนลิลี่ช่วงชิงบทบาทไป ความกดดันจากทั้งโทมัสและตัวเอง ทุกสิ่งที่รุมเร้าทำให้อาการทางจิตของนิน่าเลวร้ายขั้นวิกฤต ส่วนความสัมพันธ์กับแม่ก็ร้าวฉาน ในวันเปิดรอบการแสดง หงส์ดำที่ค่อย ๆ กลืนกินหงส์ขาวในตัวนิน่าเผยร่างแท้จริง หญิงสาวทำการแสดงออกมาได้ยอดเยี่ยมในองก์ที่สองเมื่อหงส์ดำต้องสยายปีก เธอได้รับเสียงปรบมือเกรียวกราวจากผู้ชม แต่ภาพหลอนจากความกดดันก็ทำให้นิน่าทำร้ายตัวเองจนบาดเจ็บสาหัสก่อนการแสดงองก์สุดท้าย ทว่าเธอก็ยังคงแบกร่างและจิตใจที่บอบช้ำขึ้นแสดงต่อ
ฉากสุดท้ายที่หงส์ขาวผู้บริสุทธิ์ต้องโผลงจากหน้าผาด้วยผิดหวังจากรักตามเนื้อเรื่อง นิน่ายืนอยู่บนหน้าผาจำลอง เธอกวาดตาไปที่ผู้ชมซึ่งต่างก็จดจ้องเธอด้วยสายตาของความชื่นชม ก่อนที่นิน่าจะกระโจนลงไปบนเบาะที่เตรียมไว้เพื่อปิดฉากการแสดงด้วยความสมบูรณ์แบบ มีฉากหลังเป็นสียงปรบมือกึกก้องของผู้ชมอย่างที่เธอใฝ่หามาตลอด
เธอนอนนิ่งและเอาแต่พึมพำ “ฉันสัมผัสได้แล้ว ความสมบูรณ์แบบ” ซ้ำไปซ้ำมา
คงเป็นตอนนั้นเองที่โทมัสผู้คอยแต่จะสร้างแรงกดดันให้นิน่าได้สูญเสียนักบัลเลต์ฝีมือดีไป
คงเป็นตอนนั้นเองที่อีริก้าผู้ให้ความรักอย่างมีเงื่อนไขได้สูญเสียลูกสาวไป
และคงเป็นตอนนั้นเองที่นิน่าผู้อุทิศตนจนเกินกำลัง วิ่งตามความฝันจนเหนื่อยล้าและปล่อยให้ความหลงใหลกัดกินความสุขของเธอไปทีละนิด ทีละนิด อย่างไม่รู้ตัว ได้สัมผัสกับความสมบูรณ์แบบชั่วครั้งชั่วคราวและความสำเร็จระยะสั้น ซึ่งต้องแลกมาด้วยการทำตัวตนหล่นหายไป ไม่กลับคืน
Writer
ปัญญาพร แจ่มวุฒิปรีชา
อย่ารู้จักเราเลย รู้จักแมวเราดีกว่า
illustrator
ธนัชพร จันทร์เขียว
เด็กฝึกงานกราฟิกที่ชอบวาดภาพท้องฟ้าและทะเล ติดของหวานเป็นชีวิตจิตใจ ชอบเปิดเพลง r&b ตอนทำงานโดยเฉพาะตอนวาดภาพ มันช่วยให้มีสมาธิและสามารถโฟกัสกับการทำงานได้ดี