ลูกไม่ได้คาดหวังให้พ่อแม่ทำ (อะไรก็แล้วแต่)ให้ถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก
ลูกไม่ได้คาดหวังให้พ่อแม่ทำ (อะไรก็แล้วแต่)ให้ถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก
หลายคืนหลังลูกหลับ เรามักจะนั่งนิ่ง ๆ แล้วหวนคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น ภาพเหตุการณ์เล็ก ๆ ย้อนกลับมาเหมือนฉายซ้ำ ทั้งเสียงเราที่เผลอตะคอกตอนลูกงอแง ความใจร้อนที่ทำให้เขาน้ำตาไหล หรือการลืมเรื่องง่าย ๆ อย่างลืมใส่ขนมชิ้นโปรดลงในกระเป๋าโรงเรียน แล้วเราก็อดไม่ได้ที่จะตำหนิตัวเองว่า “ไม่น่าเลย” “คนอื่นเขาคงไม่ได้เลี้ยงลูกแบบนี้” หรือ “ทำไมถึงพลาดซ้ำ ๆ กันนะ ” ยิ่งถ้าคืนนนั้นเราไถฟีดข่าวในโซเชียลมีเดียแล้วเห็นบ้านอื่นถ่ายรูปกันอย่างมีความสุข คุณแม่ตระเตรียมทุกอย่างได้อย่างดี ข้าวกล่องวางเรียงรายสวยงาม เรายิ่งรู้สึกแย่กับตัวเอง
ความรู้สึกผิดเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากใครอื่น แต่มาจากความคาดหวังที่เราตั้งไว้กับตัวเองว่าในฐานะแม่หรือพ่อ เราควรทำให้ถูกตั้งแต่ครั้งแรก เราควรจะจัดการได้ทุกสถานการณ์โดยไม่สะดุด และเราควรจะเป็นพ่อแม่ที่ “ดีกว่านี้”
แต่ความจริงแล้ว ลูกไม่เคยตั้งความคาดหวังแบบนั้น สิ่งที่ลูกต้องการไม่ใช่พ่อแม่ที่ไม่มีวันพลาด แต่คือพ่อแม่ที่ยังอยู่ตรงนี้ ยอมรับได้ว่าพ่อและแม่ก็ยังเรียนรู้อยู่เช่นกัน และเมื่อพลาดไปแล้วก็กล้าที่จะซ่อมแซมความสัมพันธ์ ลูกไม่ได้อยากเห็นแม่ที่ใจเย็นทุกนาที หรือพ่อที่ตอบได้ถูกต้องตามตำราเป๊ะทุกครั้ง ลูกต้องการเพียงใครสักคนที่รักตัวเขาอย่างจริงใจ แม้จะไม่ถูกต้องในครั้งแรกก็ตาม เพราะในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีความรักแบบไหนเติบโตจากความสมบูรณ์แบบ แต่ “ความรัก” เติบโตจากความพยายามที่จะอยู่ด้วยกันแม้จะพลาด จะผิด แต่พร้อมจะคลี่คลายและทำความเข้าใจความแตกต่างไปด้วยกัน
ความเป็น “พ่อแม่” ไม่ใช่เครื่องจักร และแม้แต่เครื่องจักรก็ยังคงมีวันผิดพลาด
พ่อแม่ไม่ใช่เครื่องจักรที่ถูกตั้งโปรแกรมให้ตอบสนองได้ถูกต้องทุกครั้ง พวกเราก็เป็นเพียงมนุษย์ที่มีทั้งความเหนื่อย ความโกรธ ความหวั่นไหว และความผิดพลาดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทว่าความรักที่มาพร้อมกับความคาดหวัง มักผลักให้เราพยายามบังคับตัวเองให้สมบูรณ์แบบเหมือนหุ่นยนต์ ราวกับว่าถ้าเราพลาดสักครั้ง โลกทั้งใบจะพังทลายลง ตำราการเลี้ยงลูกยุคนี้พูดอยู่เสมอว่าความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ความย้อนแย้งก็คือ หลายคนยังคงกดดันตัวเองอย่างลึก ๆ ให้เป็นพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบอยู่ดี ถึงขนาดที่ความผิดพลาดก็ยังต้องถูกบรรจงจัดวางให้ “ดูดี” และ “พอเหมาะ” ราวกับมันไม่ควรจะดูแย่จนเกินไป
แต่สิ่งที่ลูกต้องการไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ หากเป็นการได้อยู่ใกล้กับใครสักคนที่มีชีวิตจริง ๆ มีอารมณ์จริง ๆ เป็นมนุษย์จริง ๆ และไม่อายที่จะยอมรับความพลาดของตนเอง เพราะในโลกที่เปราะบางนี้ เด็กไม่ได้เติบโตจากการได้เห็นพ่อแม่ที่ถูกต้องเสมอ แต่จากการได้เห็นใครสักคนที่พลาดแล้วกล้าหันกลับมา กล้าซ่อมแซม และกล้ายืนอยู่ตรงนั้นไม่หนีหายไปไหน
การที่พ่อแม่ทำผิดพลาด และปล่อยให้อะไรบางอย่างไม่สมบูรณ์แบบนัก ลูกจะได้เรียนรู้ว่าโลกของความเป็นจริงนั้นก็ไม่ได้ไร้ตำหนิ ความผิดพลาดเล็ก ๆ ของแม่จึงกลายเป็นสนามฝึกสำคัญที่ทำให้เด็กซึมซับว่าชีวิตจริงเต็มไปด้วยรอยขรุขระ แต่ในรอยขรุขระนั้น “มันไม่เป็นไรเลย” เพราะแม้มันจะขรุขระก็มีใครบางคนอยู่ข้าง ๆ เสมอ
หากเราทำได้เพียงแค่ “ดีพอ” ไม่ต้อง “ดีที่สุด” ในแต่ละวัน ลูกก็ยังเติบโตขึ้นด้วยความรู้สึกมั่นคงและไว้วางใจ เพราะสิ่งที่เขาได้รับจากเราไม่ใช่ความถูกต้องที่บังคับให้ไร้ที่ติ แต่เป็นการปรากฏตัวอย่างต่อเนื่อง การเป็นพ่อแม่ที่ยังหายใจ ยังโอบอุ้ม และยังเรียนรู้ การ “อยู่ตรงนี้” ใน “ความไม่สมบูรณ์” กลับเป็นสิ่งสำคัญกว่าการพยายามเป็นเครื่องจักรที่ไม่เคยผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว
ความผิดพลาดคือบทเรียนในโลกที่เรามีร่วมกัน
เรามักเผลอคิดว่าหน้าที่ของพ่อแม่คือการทำให้ลูกเห็นเส้นทางที่ถูกต้องชัดเจนตั้งแต่ต้น เหมือนถนนที่ปูเรียบไร้หลุมบ่อ แต่ความจริงแล้วชีวิตไม่เคยเป็นถนนเส้นนั้น และลูกเองก็ไม่ได้คาดหวังจะได้เดินบนทางที่ไร้ข้อผิดพลาด ความจริงคือทุกความสะดุดเล็ก ๆ กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่พ่อแม่และลูกได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน
เด็กหัดเดินไม่ได้ยืนขึ้นอย่างสง่างามตั้งแต่ก้าวแรก เด็กล้มครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกการล้มคือข้อมูลใหม่ที่ทำให้ก้าวต่อไปมั่นคงขึ้น การเป็นพ่อแม่ก็ไม่ต่างกัน เราพูดกับลูกแบบไม่น่ารัก หรือผิดพลาดไป เราตอบสนองช้าไป เราตัดสินใจผิดบ้าง แต่ทุกครั้งที่เราเผชิญและยอมรับ เรากำลังแสดงให้ลูกเห็นว่า ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย หากเป็นโอกาสที่จะเริ่มใหม่ งานวิจัยเรื่อง Growth Mindset ของ Carol Dweck อธิบายไว้อย่างชัดเจนว่า คนที่มองความล้มเหลวเป็นข้อมูลมากกว่าความพ่ายแพ้ จะมีแนวโน้มพัฒนาตัวเองต่อไปได้อย่างแข็งแรง เด็กก็เช่นเดียวกัน เขาจะเรียนรู้ผ่านสายตาที่มองเห็นเราพลาดและกลับมายืนขึ้นใหม่ได้อีกครั้ง
หลายครั้ง เมื่อลูกเห็นพ่อแม่ผิดๆ พลาดๆ อย่างตรงไปตรงมา เขาไม่ได้ลดทอนคุณค่าความเป็นพ่อแม่ของเรา แต่กลับกัน คือลูกจะรู้สึกใกล้ชิดเรามากขึ้น เพราะความสมบูรณ์แบบอาจสร้างระยะห่าง แต่ความไม่สมบูรณ์ที่พร้อมจะหัวเราะไปด้วยกันได้จะสร้างสายสัมพันธ์ การที่พ่อแม่เอ่ยประโยคง่าย ๆ ว่า “เมื่อกี้แม่เสียงดังไป ขอโทษนะ” หรือ “พ่ออาจรีบร้อนไปหน่อย คราวหน้าจะรู้จักรอให้มากกว่านี้” กลายเป็นบทเรียนที่ลึกซึ้งกว่าคำสอนใด ๆ เพราะมันไม่เพียงสอนว่าโลกนี้ให้อภัยได้ แต่ยังสอนว่า ความสัมพันธ์คือสิ่งที่เราสามารถซ่อมแซมได้เสมอ
ความผิดพลาดจึงไม่ใช่ความด่างพร้อยของการเลี้ยงลูก แต่คือเส้นใยที่ถักทอความเป็นมนุษย์ของพ่อแม่ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น มันทำให้ลูกได้เห็นว่าแท้จริงแล้ว เราไม่ได้ยืนอยู่บนที่สูงคอยบอกเขาว่าอะไรถูกหรือผิด แต่เรายืนเคียงกัน ก้าวพลาดบ้างเหมือนกัน และเรียนรู้ไปพร้อมกัน นี่คือบทเรียนที่สำคัญที่สุดที่ลูกจะพกพาไปในชีวิตว่าความสมบูรณ์แบบไม่เคยมีอยู่จริง มีเพียงการเติบโตที่งดงามในความไม่สมบูรณ์เท่านั้น
ลูกไม่ได้ต้องการความสมบูรณ์ ลูกต้องการความจริงใจ
ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่ลูกต้องการจากพ่อแม่จริง ๆ มันไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบที่ถูกต้องทุกครั้ง แต่คือการได้อยู่ใกล้ใครสักคนที่จริงใจพอจะยอมรับว่าตัวเองก็พลาดได้ โลกของเด็กเต็มไปด้วยการสังเกตที่ด้วยสายตาที่คมคายกว่าที่เราคิด เขาไม่เพียงฟังสิ่งที่เราพูด แต่เขาอ่านออกในสีหน้าที่หงุดหงิด เสียงถอนหายใจที่กลบไว้ไม่มิด หรือแววตาที่แข็งเกินจำเป็น และสิ่งเหล่านี้มีพลังมากกว่าคำพูดที่สวยงาม
ความสัมพันธ์ที่มั่นคงไม่ได้เกิดจากการที่ผู้ใหญ่ตอบสนองได้ถูกต้องเป๊ะทุกครั้ง แต่เกิดจากการตอบสนองที่ “สม่ำเสมอและจริงใจ” ลูกไม่ได้ต้องการแม่ที่ใจเย็นสมบูรณ์แบบทุกนาที หรือพ่อที่ไม่มีวันหลุดเสียงดังกับเขา ลูกต้องการแค่ใครสักคนที่พร้อมจะกลับมาหลังจากพลาดไป ใครสักคนที่กล้าบอกว่า “แม่เสียใจที่ทำแบบนั้น” หรือ “พ่อผิดไปจริง ๆ” และการยอมรับเช่นนั้นไม่ทำให้พ่อแม่ตัวเล็กลงในสายตาลูก เพราะลูกได้เห็นว่าความรักแท้จริงไม่ได้อยู่ที่การถูกต้อง แต่อยู่ที่การซื่อสัตย์ต่อกัน
ในช่วงเวลาที่พ่อแม่ขอโทษลูก คือบทเรียนเรื่องการยืดหยุ่นและการซ่อมแซมความสัมพันธ์ ความซื่อตรงของพ่อแม่มีอำนาจมากกว่าความถูกต้องที่บังคับตัวเองให้เป๊ะ ทำให้เด็กรู้ว่าความสัมพันธ์ไม่ใช่สิ่งที่ต้อง “เก็บรักษาให้ไร้รอยขีดข่วน” แต่คือสิ่งที่สามารถถักทอใหม่ได้เสมอเมื่อมันขาดวิ่นไป
บางทีสิ่งที่งดงามที่สุดของการเป็นพ่อแม่ อาจไม่ใช่การทำได้ถูกต้องในทุกครั้ง หากคือการยอมให้ลูกเห็นว่าเราก็เป็นมนุษย์ที่มีทั้งแผลและการเยียวยา และนั่นเองคือบทเรียนที่จะติดอยู่กับเขายาวนานกว่าคำสอนใด ๆ ว่าความรักไม่เคยเป็นสมการที่ต้องตอบถูก แต่คือการอยู่ตรงนี้ในความจริง จริงๆ ของกันและกัน
ฝึก “เบาใจ” เมื่อทำผิดพลาด
ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ไม่รู้จักคำว่า “รู้สึกผิด” เราทำพลาดไปเพียงเล็กน้อย แต่ใจกลับกรีดซ้ำราวกับเป็นบาดแผลใหญ่ ความรู้สึกผิดนั้นไม่ใช่ศัตรู หากเป็นสัญญาณเตือนว่าเรายังแคร์ ยังอยากทำให้ดีขึ้น และยังรักลูกอยู่เต็มหัวใจ ปัญหาคือเมื่อเราปล่อยให้มันกัดกินเกินไป มันจะกลายเป็นกำแพงที่ปิดกั้นความสัมพันธ์แทนที่จะเปิดทาง
วิธีเบาใจอาจเริ่มต้นจากการหายใจลึก ๆ และยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า เราไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกอย่างถูกต้องทุกครั้ง จากนั้นลองมองความผิดพลาดเป็น “ข้อมูล” มากกว่าคำตัดสิน เมื่อเราตอบสนองลูกช้าไปบ้าง แทนที่จะตีตราตัวเองว่าเป็นแม่ที่ล้มเหลว เราอาจแค่บอกตัวเองว่า ครั้งหน้าเราจะลองก้าวเข้าไปหาให้เร็วขึ้น หรือเมื่อเราเผลอใช้น้ำเสียงแข็งเกินไป บทเรียนที่ได้ก็คือเรากำลังเหนื่อยเกินไป และเราจำเป็นต้องพักผ่อนบ้าง
อีกวิธีหนึ่งคือการพูดกับลูกด้วยความจริงใจ บางครั้งการขอโทษง่าย ๆ เช่น “เมื่อกี้แม่เสียงดังไป ขอโทษนะ” กลับเป็นการปลดปล่อยทั้งตัวเราและเขาไปพร้อมกัน ลูกไม่ได้ต้องการพ่อแม่ที่ไม่เคยผิด เขาต้องการพ่อแม่ที่พร้อมจะซ่อมแซมความสัมพันธ์เมื่อมันสะดุด
สุดท้ายคือการให้อภัยตัวเอง เพราะถ้าเราไม่ให้อภัยตัวเอง เด็กก็จะได้เห็นพ่อแม่ที่ติดอยู่กับความรู้สึกผิดตลอดเวลา ซึ่งต่างจากการได้เห็นพ่อแม่ที่กล้ายอมรับ ลุกขึ้น และก้าวต่อไป เด็กไม่ได้เรียนรู้จากความถูกต้องของเรา แต่เรียนรู้จากการที่เราเป็นมนุษย์อย่างเต็มที่ และเลือกที่จะเริ่มใหม่ในทุก ๆ วัน
การเป็นพ่อแม่ไม่เคยเป็นเรื่องของการทำถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก แต่คือการยอมรับว่าทุกวันคือการลองผิด ลองถูก และลองใหม่ ความสมบูรณ์แบบไม่เคยเป็นของขวัญที่ลูกต้องการ สิ่งที่เขาต้องการคือพ่อแม่ที่ยังอยู่ตรงนี้ พร้อมจะเรียนรู้ ซ่อมแซม และเติบโตไปด้วยกัน ความผิดพลาดไม่ได้ทำให้ความรักน้อยลง หากกลับทำให้มันมีชีวิตจริงมากขึ้น
บางที สิ่งที่ลูกต้องการจากเรามากที่สุด อาจไม่ใช่พ่อแม่ที่ไม่เคยพลาด แต่คือพ่อแม่ที่รู้จัก “เบาใจ” เมื่อพลาด และยังเลือกที่จะอยู่ตรงนี้ต่อไป
Writer
Admin Mappa
illustrator
Arunnoon
มนุษย์อินโทรเวิร์ตที่อยากสื่อสารและเชื่อมโยงกับผู้คนผ่านภาพวาด