‘เฉิ่ม’ : สมบัติ ดีพร้อม กับโลกความจริงที่อาจไม่พร้อมให้ยึดมั่นใน ‘ความดี’

‘เฉิ่ม’ : สมบัติ ดีพร้อม กับโลกความจริงที่อาจไม่พร้อมให้ยึดมั่นใน ‘ความดี’

  • ด้วยใบปิดของหนังและภาพจำของนักแสดงนำ ทำให้ผู้ชมหลาย ๆ คนเดินเข้าโรงภาพยนตร์ไปด้วยความคาดหวังที่ว่า ‘เฉิ่ม’ หนังของ คงเดช จาตุรันต์รัศมี ที่เข้าฉายในปี 2548 ซึ่งมีหม่ำ-เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา และนุ่น-วรนุช เป็นนักแสดงนำ จะเป็นหนังโรแมนติกคอเมดี แต่ ‘เฉิ่ม’ กลับกลายเป็นหนังดรามาที่ชวนเราตั้งคำถามกับหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิต
  • “เมื่อเราค้นพบสิ่งที่เรารักแล้ว เราจะสามารถรักษามันไปได้ตลอดรอดฝั่งขนาดไหน” คือคำถามตั้งต้นของไอเดียการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ และเขาก็ได้พยายามค้นหาคำตอบผ่านเรื่องราวชีวิตของ ‘สมบัติ ดีพร้อม’ คนขับแท็กซีแสนเชยและสุดเฉิ่มที่หลงรักในสิ่งเก่า ๆ ที่เป็นภาพแทนค่านิยมเก่า ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงเก่า คลื่นวิทยุ AM ละครวิทยุ ครีมจัดผมสกายแล็บ ในวันที่เทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้นเรื่อย ๆ
  • ‘สิ่งที่เรารัก’ ที่อยู่ในคำถามตั้งต้นของคงเดช จึงอาจไม่ได้หมายถึง ‘นวล’ หมอนวดที่สมบัติดูจะมีใจให้ หากแต่เป็นความเชื่อในค่านิยมเก่าแก่ ที่สมบัติต้องเลือกว่าท้ายที่สุดเขาจะจัดตำแหน่งแห่งที่ให้มันได้อย่างไรเพื่อที่จะรักษามันไว้แม้ในวันที่สภาพแวดล้อมและความเชื่อนั้นเปลี่ยนแปลง

อาจเพราะหลงใหลบทเพลงของทั้งศิลปินลูกกรุงและลูกทุ่งมาตั้งแต่เด็ก แต่ยิ่งโตก็ยิ่งมีโอกาสได้ยินบทเพลงเหล่านั้นน้อยลงไปทุกทีเพราะมีแนวเพลงใหม่ ๆ มาแทนที่

อาจเพราะใจฟูทุกครั้งที่เห็นผู้สุงอายุตาเป็นประกายเมื่อได้ฟังเพลงโปรดที่ไม่ได้ฟังมานานหลังจากยุคที่รายการวิทยุเพลงลูกกรุง ลูกทุ่ง หรือไทยเดิมเสื่อมความนิยมลง และคุณตาคุณยายก็ไม่รู้ว่าจะสมัครสปอติฟายหรือใช้ยูทูบได้ยังไง

และอาจเพราะปวดใจทุกครั้งเมื่อเห็นพ่อค้าแม่ค้าวัยชราพลาดโอกาสขายสินค้าเพียงเพราะไม่รู้ว่าการสแกน QR Code หรือโอนจ่ายเขาทำกันยังไง

เราจึงเห็นอกเห็นใจและกระทั่งมีความรู้สึกร่วมกับคนหลงยุคอย่าง ‘สมบัติ ดีพร้อม’ ตัวละครหลักจากภาพยนตร์เรื่อง ‘เฉิ่ม’ อยู่ไม่น้อย

สมบัติ ดีพร้อม คือคนขับแท็กซี่หลงยุคที่ยังคงฟังคลื่น AM ในวันที่ FM เข้ามาครองพื้นที่ มีเพลงเก่าของสุนทราภรณ์ปลอบประโลมใจในคืนเปลี่ยวเหงา และเฝ้าเหม่อลอยไปในฝันกลางวันที่เขากลายเป็นพระเอกละครวิทยุ

“เมื่อเราค้นพบสิ่งที่เรารักแล้ว เราจะสามารถรักษามันไปได้ตลอดรอดฝั่งขนาดไหน” คือคำถามที่เกิดขึ้นชีวิตช่วงหนึ่งของ คงเดช จาตุรันต์รัศมี ก่อนที่เขาจะได้ยินเพลง ปองใจรัก ของสุนทราภรณ์ จากคลื่นวิทยุ AM ที่เปิดฟังอยู่บนรถขณะเดินทางจากต่างจังหวัดกลับบ้านในค่ำคืนหนึ่ง

คำถามที่ยากจะตอบ บทเพลงเก่าที่ดังขึ้นในค่ำคืนนั้น และละครวิทยุ จึงรวมตัวกันเป็นสารตั้งต้นของภาพยนตร์เรื่อง ‘เฉิ่ม’ ภาพยนตร์ที่เข้าฉายในปี 2548 ซึ่งภาพจำของนักแสดงนำอย่าง หม่ำ-เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา กับ นุ่น-วรนุช ทำให้หลายคนเข้าใจไปว่าเป็นภาพยนตร์คอเมดี้เรียกเสียงฮาหรือมากสุดก็คงเป็นหนังโรแมนติกที่สอดแทรกความดรามาพอหอมปากหอมคอ แต่เฉิ่มกลับกลายเป็นหนังที่ตั้งคำถามมากมาย ทั้งต่อสังคม ต่อเรื่องนามธรรมอย่างความยั่งยืนของความรักหรือคุณค่าของความดีที่ในบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ

หนังเริ่มด้วยการพาเราไปรู้จักกับ “สมบัติ ดีพร้อม” คนขับแท็กซี่บุคลิกซื่อ ๆ และมีรสนิยมเฉิ่มเชยในสายตาคนอื่น ๆ  ทว่าสมบัติก็ยังคงเลือกที่จะทำสิ่งที่เขาชอบจนเป็นกิจวัตร ตื่นขึ้นมาปาดครีมจัดผมสกายแล็บจนเรียบแปล้และเงาวับ ออกไปขับรถแท็กซี่โดยมีเสียงเพลงสุนทราภรณ์จากคลื่น AM เปิดคลอ อมลูกอมโบตัน แวะกินต้มเลือดหมูที่ร้านประจำทุกวันหลังเลิกงาน เขียนจดหมายถึงคุณอาธรรมรงค์ นักจัดรายการเพลงที่เขาชื่นชอบก่อนเข้านอนแม้จะไม่เคยถูกเลือกมาอ่านในรายการ และเมื่ออยู่หลังพวงมาลัย สมบัติก็มักจะฝันกลางวันถึงโลกในละครวิทยุที่มีเขาไปรับบทเป็นตัวเอกเสียเอง

สิ่งเหล่านั้นคือ ‘ค่านิยม’ ที่สมบัติยึดมั่นและหวงแหนแบบที่ไม่ยอมให้ใครมากร้ำกราย จึงไม่แปลกหากครึ่งเรื่องแรกที่ภาพยนตร์เล่าผ่านมุมมองของสมบัติในวันที่เขายังคงยึดถือ ‘ความเก่า’ ว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดจะทำให้เทคโนโลยีหรือสิ่งใดก็ตามที่เป็นภัยต่อสิ่งที่เขาชอบกลายเป็นตัวร้ายโดยสิ้นเชิง

โลกของสมบัติหมุนวนไปแบบเดิมในทุกวันจนกระทั่งเขาได้รู้จักกับ นวล หมอนวดที่ต้องแบกภาระทางบ้านไว้มากมาย และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ สมบัติแง้มประตูต้อนรับนวลเข้ามาในโลกของเขา ในขณะที่เขาเองก็กล้าก้าวเท้าไปเผชิญโลกใบใหม่ที่มีนวลเป็นไกด์นำทาง

นวลเป็นดังตัวแทนของการทลายอุดมคติดั้งเดิมของสมบัติ เขายอมปันใจจากต้มเลือดหมูไปหาแฮมเบอร์เกอร์แม้จะไม่ได้ชอบมันนัก ไปเดินห้างสรรพสินค้าที่จะอย่างไรก็ดูสับสนวุ่นวายเกินไปสำหรับเขา พอรู้ว่านวลมีความฝันจะเปิดร้านเช่าชุดแต่งงาน เขาก็ถึงกับยอมเอาเงินเก็บไปลงกับบริษัทขายตรงเครื่องนวดที่ใช้ชื่อเป็นตัวแทนแห่งอนาคตแบบตะโกนอย่าง เครื่องนวด Future Perfect เพราะคิดว่าจะได้เงินปันผลมาสานฝันให้นวล

เมื่อเราพบสิ่งที่เรารักแล้ว เราจะยังรักษามันไปได้ตลอดรอดฝั่งไหม

จึงอาจไม่ใช่คำถามที่คงเดชถ่ายทอดผ่านความสัมพันธ์ของสมบัติกับนวล แต่เป็นการพยายามหาคำตอบผ่านความรักที่สมบัติมีให้กับเพลงเก่า ๆ ละครวิทยุ และต้มเลือดหมู ว่าท่ามกลางโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนกับชีวิตของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ และยังมีสารเร่งเป็นความเสน่หาที่เขามีต่อนวล สมบัติจะจัดวางตำแหน่งแห่งที่ของโลกใบเดิมของเขาไว้ที่จุดไหน เขาจะเลือกทิ้งสิ่งที่เขารักเพื่อก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่ไปกับนวล หรือเขาจะเลือกทิ้งนวลเพื่อรักษาสิ่งที่เขารักไว้ หรือบางทีสมบัติอาจต้องเรียนรู้ที่จะแบ่งสรรปันที่ให้โลกสองใบโดยที่ไม่ต้องทิ้งโลกใบไหนไปเลย

 นอกจากความยึดมั่นถือมั่นในเพลงเก่าแล้ว อีกสิ่งที่ดูจะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับสมบัติก็คือการเป็นคนดี

“คนที่พยายามรักษาความดีต่างก็มีมุมมืด แล้วเขายังถือว่าเป็นคนดีอยู่ไหม” คืออีกคำถามที่คงเดชพยายามสำรวจผ่านเรื่องราวของตัวละครหลักในหนังของเขา

ภาพลักษณ์ซื่อ ๆ นิ่งเงียบ เป็นสุภาพบุรุษกับนวล และถึงจะเก็บกระเป๋าเงินที่มีเงินสดอยู่เต็มกระเป๋าได้ เขาก็ยังนำส่งคืนเจ้าของ ทำให้เราเข้าใจไปว่าสมบัติคงเป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์ แต่แท้จริงแล้วสมบัติก็มีอดีตอันมืดมน เขาเคยฆ่าคนตาย แม้นั่นจะเป็นเพียงการบันดาลโทสะ แต่ก็ดึงเรากลับมาสู่คำถามที่ว่า หากคนคนหนึ่งพยายามรักษาความดี แต่แท้จริงมีมุมมืด เขาจะยังถือว่าเป็นคนดีอยู่ไหม

แน่นอนว่าในฐานะคนดูที่ได้รับรู้เรื่องราวจากมุมมองของสมบัติ ได้เข้าไปในโลกของเขา และเริ่มจะผูกพันกับเขา เราสามารถเข้าใจและเห็นอกเห็นใจสมบัติได้ แต่เราก็อดคิดไม่ได้ว่าหากเราไม่เคยรู้จักสมบัติมาก่อน หากสมบัติเป็นคนที่เราไม่เคยได้สัมผัสชีวิตของเขาและได้เห็นแค่ชั่วขณะที่เขาลงมือฆ่าใครสักคน ต่อให้จะรู้เรื่องราวจากฝั่งของเขาในภายหลัง เขาจะยังเป็นคนที่ควรให้อภัยสำหรับเราอยู่ไหม

คำถามนั้นถูกเน้นย้ำด้วยเรื่องราวของลุงเอื้ออาทร ชายชราที่สมบัติเก็บกระเป๋าเงินได้ ผู้ให้เงินเขาปึกใหญ่ตอบแทนในความดีพร้อมทั้งกำชับให้เขา “อย่าหยุดดี” แต่แล้วสมบัติก็กลับต้องเผชิญเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกอย่างที่เขาเคยเชื่อพังทลายลง

เขาโดนปล้นเงินที่ได้จากลุงเอื้อไปจนหมด เป็นช่วงเดียวกันกับที่เขาพบว่าคุณอาธรรมรงค์ เพื่อนคู่ใจยามดึกเป็นเพียงเทปที่อัดมาจากรายการที่เลิกจัดไปนานแล้ว และแม้แต่ลุงเอื้อเองก็ยังกลายเป็นคนแก่โรคจิตที่พยายามจะข่มขืนเขา

การเปิดเปลือยตัวตนของลุงเอื้ออาทรนั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเรื่อง เขาเป็นเสมือนตัวแทนของค่านิยมทุกอย่างที่สมบัติยึดถือ รูปลักษณ์ของชายชรานั้นละม้ายคล้ายคลึงกับครูเอื้อ สุนทรสนาน ผู้ก่อตั้งวงสุนทราภรณ์ เจ้าของบทเพลงมากมายที่สมบัติหลงรัก แถมการที่เขาพร่ำพูดถึงแต่ความดี การทำความดี การรักษาความดี ทุกครั้งที่เจอหน้าสมบัติ ก็ยิ่งเป็นการบดขยี้ทำลายความดีที่สมบัติเคยเชื่อเมื่อชายที่พร่ำพูดถึงแต่ความดีกลายเป็นเพียงชายวิปริต

“ฉันก็แค่อยากจะอยู่เป็นอมตะ เหมือนเพลงที่เธอชอบฟัง” ลุงเอื้อพูดขณะที่เปลือยกายให้เห็นอุปกรณ์เทคโนโลยีสารพัดอย่างระโยงระยางตามเนื้อตัวเพื่อพยุงชีวิตชราของเขาไว้ อาจจะเป็นตอนนั้นเองที่สมบัติระลึกได้ว่า ไม่มีความดีที่เที่ยงแท้และไม่มีตำแหน่งแห่งที่อันถาวรของสิ่งที่เขาอยากให้เป็นนิรันดร์ คนที่เขาคิดว่าดีก็กลับไม่ใช่คนดีและความเก่าที่เขาหลงรักต่างก็ต้องพึ่งเทคโนโลยีเพื่อให้อยู่รอดทั้งนั้น

สมบัติต้องจำใจฆ่าลุงเอื้อเพื่อเอาตัวรอดจากการโดนข่มขืน ก่อนที่เขาจะวิ่งหนีออกมา แต่การวิ่งหนีของสมบัติไม่ได้เป็นเพียงการวิ่งหนีความผิดที่ฆ่าลุงเอื้อไปเท่านั้น แต่คือการพยายามวิ่งหนีอดีตดำมืด วิ่งหนีโลกความจริง และวิ่งหนีตัวเองก่อนที่เขาจะถูกรถชนในที่สุด

แต่หนังก็ไม่ได้จบอยู่แค่นั้น เรื่องราวของสมบัติไม่ได้ตลบหลังเราด้วยการหลอกเราว่าเทคโนโลยีเป็นผู้ร้ายแล้วจึงเฉลยว่าแท้ที่จริงความดีงามและสิ่งต่าง ๆ ที่สมบัติยึดถือต่างหากคือความเลวร้าย และหนังก็ไม่ได้บอกเราด้วยว่า ตื่นจากโลกความฝันซะ เราไม่มีทางรักษาสิ่งที่เรารักไว้ได้หรอก  

เพราะหนังจะพาเราไปพบกับสมบัติในอีก 7 ปีให้หลังที่อุบัติเหตุทำให้เขาต้องพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างอุปกรณ์ช่วยฟัง สมบัติจะพบว่าร้านต้มเลือดหมูเจ้าประจำของเขาปิดกิจการลงแล้ว และเขาก็ไม่รังเกียจรังงอนนักหากจะลองกินแฮมเบอร์เกอร์ดูอีกหน ความพิการจากอุบัติเหตุทำให้เขาไม่สามารถขับแท็กซี่ได้เหมือนเดิม สมบัติจึงกลายเป็นช่างซ่อมเครื่องเล่นซีดี งานที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีโดยตรง และแม้สมบัติจะมีประสบการณ์เลวร้าย ทั้งจากชายที่หน้าเหมือนครูเอื้อ หรือจากการได้รู้ความจริงว่าคุณอาธรรมรงค์ในวิทยุคลื่น AM นั้นเป็นเพียงเสียงจากเทป เขาก็ยังคงรักษาความรักที่เขามีต่อเพลงสุนทราภรณ์ของเขาเอาไว้ได้ด้วยการเปิดใจลองฟังมันจากแผ่นซีดีที่นวลเคยให้เขาไว้ซึ่งเขาไม่เคยเปิดฟังเลยก่อนหน้านั้น  

แล้วสมบัติก็สามารถพาโลกความฝันมาบรรจบกับโลกความจริงในวันที่เขารู้ว่า เขายังรักเพลงสุนทราภรณ์ได้ โดยไม่ต้องฟังจากคลื่น AM  วันที่เขารู้ว่าจะจัดวางที่ทางให้สิ่งเก่า ๆ ที่เขารักอยู่ร่วมกับโลกความจริงที่ไม่หยุดนิ่งได้อย่างไร และในวันที่เขารู้ว่าไม่เคยมีคำตอบตายตัวของความดีงาม และมันก็ไม่ควรถูกนิยามด้วยกรอบเพียงกรอบเดียว

Writer
Avatar photo
ปัญญาพร แจ่มวุฒิปรีชา

อย่ารู้จักเราเลย รู้จักแมวเราดีกว่า

illustrator
Avatar photo
พรภวิษย์ เพ็งเอียด

ชอบกินเนื้อต้มและตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือให้ได้ปีละสามเล่ม

Related Posts

Related Posts